เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-วอร์เร็น บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีอันดับ 3 ของโลกชาวอเมริกัน จับมือกับชอร์ช เปาโล เลมันน์ เศรษฐีชาวบราซิลซึ่งได้ชื่อว่าเป็นบุคคลที่ร่ำรวยเป็นอันดับ 69 ของโลก เข้าซื้อกิจการของ “ไฮน์ซ” ผู้ผลิตซอสมะเขือเทศชื่อดัง ถือเป็นการเทคโอเวอร์กิจการด้านอาหารที่มีมูลค่าสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ ถึง 28,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 835,870ล้านบาท)
รายงานข่าวระบุว่า บริษัท เอช.เจ.ไฮน์ซ ซึ่งก่อตั้งกิจการมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1869 และมีฐานที่นครพิตส์เบิร์ก มลรัฐเพนน์ซิลเวเนียของสหรัฐฯ ได้ถูกบริษัทเบิร์กไชร์ แฮธาเวย์ของบัฟเฟตต์ วัย 82ปี และบริษัท 3จี แคปิตอล ภายใต้การสนับสนุนของชอร์ช เปาโล เลมันน์ วัย73 ปี เข้าเทคโอเวอร์กิจการเรียบร้อยแล้ว โดยมีการบรรลุข้อตกลงครั้งประวัติศาสตร์นี้ที่วงเงิน 28,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 835,870 ล้านบาท) เมื่อวันพฤหัสบดี (14) ที่ผ่านมาโดยในวงเงินจำนวนดังกล่าว กว่า 13,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นเงินลงทุนจากบริษัทเบิร์กไชร์ แฮธาเวย์
การซื้อกิจการครั้งนี้ ส่งผลให้บัฟเฟตต์และเลมันน์กลายเป็นเจ้าของกิจการรายใหม่ของ ไฮน์ซซึ่งครองส่วนแบ่งการตลาดซอสมะเขือเทศในสหรัฐฯมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ และมีผลิตภัณฑ์ส่งออกไปจำหน่ายทั่วโลกมากกว่า 200 ประเทศ ถือเป็นการเทคโอเวอร์ครั้งใหญ่ที่สุดที่เกิดขึ้นในธุรกิจอาหารของโลก และมูลค่าของการเทคโอเวอร์ยังสูงกว่ามูลค่าในตลาดหลักทรัพย์ของไฮน์ซเมื่อวันพุธ (13) ถึง 20 เปอร์เซ็นต์
บัฟเฟตต์และเลมันน์ต่างให้คำมั่นว่าจะไม่มีการย้ายที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของไฮน์ซ ออกจากที่ตั้งปัจจุบันในนครพิตส์เบิร์กอย่างแน่นอน รวมถึง ไม่มีแผนปลดคนงานออก พร้อมยืนยันจะเป็นฝ่ายรับผิดชอบหนี้สินของไฮน์ซที่มีอยู่เดิมกว่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ก่อนการเทคโอเวอร์
ขณะที่บัฟเฟตต์ ซึ่งมีมูลค่าทรัพย์สินรวมกว่า 46,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 1.37 ล้านล้านบาท) ออกมายอมรับว่า ตนเองสนใจซื้อกิจการของไฮน์ซมานานกว่า 30 ปีแล้ว และเริ่มศึกษาข้อมูลการดำเนินธุรกิจของไฮน์ซ อย่างจริงจังมาตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1980
