xs
xsm
sm
md
lg

“วอร์เร็น บัฟเฟตต์” เผยไม่คิดซื้อหุ้น “เฟซบุ๊ก” ชี้ไม่น่าเชื่อถือ จวกยับธุรกิจที่ต้องพึ่งการ “กดไลค์”ไม่ยั่งยืน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วอร์เร็น บัฟเฟตต์
เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-วอร์เร็น บัฟเฟตต์ นักลงทุนชื่อก้องโลกชาวอเมริกัน ซีอีโอบริษัท “เบิร์กไชร์ แฮธาเวย์” ยืนยัน ไม่สนใจลงทุนด้วยการซื้อหุ้นของเครือข่ายสังคมออนไลน์ชื่อดัง “เฟซบุ๊ก” ชี้ ไม่น่าเชือถือ พร้อมจวกยับการให้ความสำคัญกับสังคมออนไลน์ที่ต้องพึ่งพาให้ผู้อื่นคอย “กดไลค์” นั้น เป็นเรื่อง “ไม่ยั่งยืน”

วอร์เร็น เอ็ดเวิร์ด บัฟเฟตต์ วัย 82 ปี ซึ่งถูกนิตยสารไทม์ ยกย่องให้เป็นหนึ่งในบุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดของโลกในปีที่แล้วเปิดใจให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นและซีเอ็นบีซีโดยยืนยัน ไม่มีความคิดจะเข้าไปซื้อหุ้นที่ทางเฟซบุ๊กเสนอขายแต่อย่างใดโดยระบุ รู้สึก “ไม่ปลื้ม” เว็บไซต์โซเชียล เน็ตเวิร์กหมายเลขหนึ่งของโลก

“ผมเป็นพวกที่ไม่ปลื้มและไม่เชื่อถือต่อบริษัทอย่างเฟซบุ๊ก ผมเชื่อมั่นว่าการเอาเงินของคุณไปลงทุนกับสิ่งที่เป็นเครือข่ายสังคมออนไลน์ถือเป็นความคิดที่ไม่ปกตินัก และผมยังสงสัยอยู่ว่าในอีก 5 หรือ 10 ปีข้างหน้า เฟซบุ๊กจะยังคงได้รับความนิยมและมีสถานะเช่นเดียวกับในทุกวันนี้หรือไม่” บัฟเฟตต์ซึ่งมีทรัพย์สินในครอบครองกว่า 1.68 ล้านล้านบาทกล่าว

บัฟเฟตต์เผยว่าตัวเขาเคยให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์หลายอย่างแก่มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของเฟซบุ๊กมาก่อน แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่ประทับใจโมเดลทางธุรกิจของเฟซบุ๊กแม้แต่น้อย

“ผมเชื่อว่าการทำธุรกิจใดก็ตามที่ต้องคอยพึ่งพาให้ผู้อื่นเข้ามากดไลค์นั้น ย่อมเป็นธุรกิจที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความไม่ยั่งยืน” บัฟเฟตต์กล่าวเสริม

นักลงทุนที่ได้ชื่อว่าประสบความสำเร็จที่สุดคนหนึ่งของโลกอย่างบัฟเฟตต์ยังทิ้งท้ายด้วยการระบุว่า แม้บริษัทอย่างเฟซบุ๊ก แอปเปิล และกูเกิลจะถูกมองว่าเป็นองค์กรที่ประสบความสำเร็จทางธุรกิจในปัจจุบัน แต่เขาไม่อาจจะรับประกันได้ว่าความสำเร็จของบริษัทเหล่านี้จะยั่งยืนในระยะยาวหรือไม่ เนื่องจากทั้งสามบริษัทต่างเติบโตได้เพราะกระแสความนิยมของผู้บริโภคที่มีต่อผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ด้านเทคโนโลยีการสื่อสาร ซึ่งไม่มีผู้ใดสามารถการันตีได้ว่า ความนิยมในการ “วิ่งตาม”สินค้าประเภทดังกล่าวของผู้บริโภคจะสิ้นสุดลงเมื่อใด

“ผมขอมองดูการเติบโตของบริษัทเหล่านี้อยู่ห่างๆดีกว่า ผมไม่รู้และไม่กล้าพูดจริงๆว่าพวกเขาจะมีอนาคตที่สดใสในระยะยาวหรือไม่” บัฟเฟตต์กล่าวทิ้งท้าย


บัฟเฟตต์ชี้ การทำธุรกิจของเฟซบุ๊กไม่ยั่งยืน เพราะต้องคอยพึ่งพาให้ผู้อื่นเข้ามากดไลค์
กำลังโหลดความคิดเห็น