เอเอสทีวีผู้จัดการสุดสัปดาห์ - สาวๆ จำนวนมากคงต้องเคยผ่านการกำจัดขนกันมาบ้าง ทั้งส่วนคิ้ว รักแร้ ขา ไม่เว้นแม้แต่ในส่วนลับเฉพาะอย่างขนอวัยวะเพศ โดยเฉพาะกับสาวที่ต้องการความมั่นใจเวลาใส่ชุดว่ายน้ำ หรือบิกินี เพื่ออวดหุ่นสวยแบบไม่ต้องกังวลว่าจะมีอะไรเล็ดลอดออกมาให้รกตารำคาญใจ ซึ่งประโยชน์ของการกำจัดขนส่วนซ่อนเร้นนี้ไม่ได้มีแค่เพื่อความสวยงามเท่านั้น แต่ผลวิจัยยังชี้ชัดแล้วว่าช่วยลดความเสี่ยงการติดเชื้อปรสิตจากตัวโลนได้ชะงัดอีกด้วย ทว่า แนวโน้มความนิยมการตัดแต่งพื้นที่นาผืนน้อยนั้นกลับเป็นอันตรายต่อการธำรงอยู่ของเจ้าสิ่งมีชีวิตดังกล่าว
การกำจัดขนในที่ลับนั้นมีหลากหลายวิธีการ ไม่ว่าจะเป็นการโกน ตัดแต่ง เล็ม หรือถอน แต่ที่นิยมกันมากคือการทำบิกินีแวกซ์ หรือบราซิเลียนแวกซ์ อันเป็นเทคนิคที่แพร่หลายตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1990 ซึ่งเริ่มเป็นที่รู้จักจาก เจ ซิสเตอรส์ ซาลอน ร้านเสริมความงามของพี่สาวน้องสาวชาวบราซิลตระกูลพาดิลา 7 คน ได้แก่ โจนิซ จอยซ์ลี เจเนีย จอยซ์ จูเรซี จัสซารา และจูเดเซีย ในย่านฟิฟธ์ อะเวนิว อันโด่งดังของแมนฮัตตัน มหานครนิวยอร์ก โดยพวกเธอเริ่มนำเทคนิคนี้มาให้บริการแก่ลูกค้าตั้งแต่ปี 1994 และได้กระแสตอบรับอย่างดี จากทั้งบุคคลทั่วไป กระทั่งเหล่าคนดังทั้งหญิง และชาย
สปริง คูเปอร์ รอบบินส์ นักวิจัยด้านสุขภาพทางเพศจากมหาวิทยาลัยซิดนีย์ชี้ว่า วิธีการทำบราซิเลียนแวกซ์นั้นเริ่มแพร่หลายอย่างเป็นสากลในช่วงต้นสหัสวรรษใหม่ปี 2000 โดยอาจได้รับการกระตุ้นจากซีรีส์ทางโทรทัศน์หลายๆ เรื่อง โดยเฉพาะซีรีส์ดัง Sex and the City ขณะที่ คณะวิจัยจากวิทยาลัยเคนยอน คอลเลจ ในมลรัฐโอไฮโอของสหรัฐฯ เผยในรายงานฉบับหนึ่งเมื่อปี 2011 ว่า นักศึกษามหาวิทยาลัยทั้งชาย และหญิงส่วนใหญ่ในสหรัฐฯ และออสเตรเลียต่างกำจัดขนในที่ลับกันทั้งนั้น ส่วนในอังกฤษ ตามผลการสำรวจในปี 2005 พบว่า 99% ของหญิงสาวอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไปผ่านการกำจัดขนทั้งสิ้น โดยส่วนใหญ่จะเป็นส่วนรักแร้ ขา และนาผืนน้อย
ด้วยเทรนด์ในการกำจัดขนส่วนลับเฉพาะที่ขยายวงกว้างมากขึ้น ประกอบกับแนวโน้มการติดเชื้อจากปรสิตกินเลือดที่อาศัยอยู่ตามจุดซ่อนเร้นของคน ที่ลดลงอย่างเห็นได้ เช่น ในออสเตรเลีย คลินิกสุขภาพทางเพศหลักในซิดนีย์ไม่พบผู้ป่วยหญิงที่ติดเชื้อโลนมาตั้งแต่ปี 2008 และในกรณีของผู้ชายก็ลดลงถึง 80% จากเมื่อ 10 ปีก่อน จึงชี้ให้เห็นว่า การทำบิกินีแว็กซ์นั้นก็เป็นอีกวิธีกำจัดเจ้าตัวการการติดเชื้อทางเพศที่ติดต่อกันได้ง่ายที่สุดอย่างหนึ่ง นอกเหนือไปจากยาฆ่าโลน ที่ถูกพัฒนาขึ้นในช่วงก่อน และระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2
สำหรับ โลน (pubic louse หรือ crab louse) นั้น ในทางกีฏวิทยาจัดว่าเป็นแมลงไม่มีปีก กลุ่มเดียวกับเหา กินเลือดเป็นอาหาร สามารถติดต่อสู่กันทางอวัยวะสืบพันธุ์ โดยการสัมผัสอย่างใกล้ชิด ซึ่งปกติจะแพร่จากคนหนึ่งไปสู่อีกคนด้วยการมีเซ็กซ์ แต่ก็สามารถติดต่อกันโดยการใช้ข้าวของเครื่องใช้ร่วมกันได้ เช่น ผ้าเช็ดตัว เสื้อผ้า เตียง หรือแม้แต่การใช้ห้องน้ำ โลนก็เหมือนปรสิตทั่วไปคือต้องการอุณหภูมิ และความชื้นจากคน สามารถอาศัยอยู่ได้ทุกส่วนของร่างกาย แต่บริเวณที่ปรสิตชนิดนี้โปรดปรานที่สุดก็คือ ขนในที่ลับ อย่างอวัยวะเพศ และรอบทวารหนัก แต่ในรายของผู้ชายยังอาจพบเจ้าตัวโลนได้ทั้งที่ขนท้อง ขนรักแร้ หนวด เครา หรือกระทั่งขนตาของทั้งเด็ก และผู้ใหญ่
ส่วนอาการของผู้ที่ติดเชื้อปรสิตดังกล่าว ได้แก่ อาการคันบริเวณเนินอวัยวะเพศ ซึ่งเนื่องจากถูกน้ำลายของโลนที่กัดกินเลือดคนคนนั้นเข้าไป และยังทิ้งรอยกัดเอาไว้ให้เห็น โดยจะมีสีน้ำเงินออกเทา หรือสีเทาอมน้ำเงินเข้ม และหากติดต่อเป็นระยะเวลานานก็จะมีอาการคันมากขึ้น แต่การทำบราซิเลียนแวกซ์ ซึ่งเป็นที่นิยมของสาวๆ สมัยใหม่ ที่ต้องการความสวยงาม ความสะอาด และความสะดวกสบาย กลับช่วยกำจัดเจ้าสิ่งมีชีวิตไม่พึงประสงค์นี้ในทางอ้อม ด้วยการทำลายแหล่งที่อยู่อาศัยของพวกมัน
เอียน เอฟ. เบอร์เกสส์ นักกีฏวิทยาการแพทย์ของบริษัทอินเซกต์ รีเสิร์ช แอนด์ ดีเวลลอปเมนต์ ในเมืองเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษกล่าวว่า การตกแต่งขนอวัยวะเพศทำให้จำนวนประชากรโลนร่อยหรอลงอย่างรวดเร็ว จนอาจกลายเป็นหายนะทางธรรมชาติของสัตว์ชนิดนี้เลยทีเดียว
ด้าน ริชาร์ด รัสเซล ผู้อำนวยการกีฏวิทยาทางการแพทย์แห่งโรงพยาบาลเวสต์มีดในนครซิดนีย์ แย้งว่า เป็นการยากที่จะฟันธงว่าโลนนั้นใกล้สูญพันธุ์แล้วจริงหรือไม่ เนื่องจากในอดีต ผู้ป่วยที่ติดเชื้อทางเพศนี้มักไม่ชอบเปิดเผยตัวด้วยเห็นเป็นเรื่องน่าอับอาย แต่ก็ยังชี้ถึงความเป็นไปได้ว่าการกำจัดขนอาจมีส่วนทำให้ประชากรแมลงปรสิตชนิดนี้ลดลง เนื่องจากวงจรชีวิตของโลนตัวเมีย ซึ่งต้องการการจับคู่ผสมพันธุ์เพียงครั้งเดียว เพื่อวางไข่เจริญพันธุ์ได้ตลอดชีวิต กลับจบสิ้นอย่างง่ายดาย หากมันไม่สามารถหาที่ที่เหมาะสมสำหรับวางไข่ได้
อย่างไรก็ตาม แม้การทำบิกินีแวกซ์จะทำให้การติดเชื้อทางเพศจากโลนลดลงอย่างเห็นได้ชัด ทว่า การกำจัดขน ไม่ว่าจะด้วยวิธีการแวกซ์ โกน หรือถอน ก็สามารถก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บบนผิวหนัง ซึ่งจะทำลายเกราะป้องกัน และเอื้อต่อการติดเชื้อที่ส่งผ่านทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากอุปกรณ์ หรือกระบวนการในการกำจัดขนนั้นไม่ถูกสุขอนามัย ก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อสูงขึ้น อีกทั้งการกำจัดขนในทุกวิธีการนั้นก็ยังมีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดขนคุด ซึ่งเป็นโอกาสที่จะก่อให้เกิดการติดเชื้อได้อีกทางหนึ่งด้วย ดังนั้น เราจึงควรศึกษาคำแนะนำถึงวิธีกำจัดขนที่ถูกต้อง และปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดของร่างกายก็ตาม
การกำจัดขนในที่ลับนั้นมีหลากหลายวิธีการ ไม่ว่าจะเป็นการโกน ตัดแต่ง เล็ม หรือถอน แต่ที่นิยมกันมากคือการทำบิกินีแวกซ์ หรือบราซิเลียนแวกซ์ อันเป็นเทคนิคที่แพร่หลายตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1990 ซึ่งเริ่มเป็นที่รู้จักจาก เจ ซิสเตอรส์ ซาลอน ร้านเสริมความงามของพี่สาวน้องสาวชาวบราซิลตระกูลพาดิลา 7 คน ได้แก่ โจนิซ จอยซ์ลี เจเนีย จอยซ์ จูเรซี จัสซารา และจูเดเซีย ในย่านฟิฟธ์ อะเวนิว อันโด่งดังของแมนฮัตตัน มหานครนิวยอร์ก โดยพวกเธอเริ่มนำเทคนิคนี้มาให้บริการแก่ลูกค้าตั้งแต่ปี 1994 และได้กระแสตอบรับอย่างดี จากทั้งบุคคลทั่วไป กระทั่งเหล่าคนดังทั้งหญิง และชาย
สปริง คูเปอร์ รอบบินส์ นักวิจัยด้านสุขภาพทางเพศจากมหาวิทยาลัยซิดนีย์ชี้ว่า วิธีการทำบราซิเลียนแวกซ์นั้นเริ่มแพร่หลายอย่างเป็นสากลในช่วงต้นสหัสวรรษใหม่ปี 2000 โดยอาจได้รับการกระตุ้นจากซีรีส์ทางโทรทัศน์หลายๆ เรื่อง โดยเฉพาะซีรีส์ดัง Sex and the City ขณะที่ คณะวิจัยจากวิทยาลัยเคนยอน คอลเลจ ในมลรัฐโอไฮโอของสหรัฐฯ เผยในรายงานฉบับหนึ่งเมื่อปี 2011 ว่า นักศึกษามหาวิทยาลัยทั้งชาย และหญิงส่วนใหญ่ในสหรัฐฯ และออสเตรเลียต่างกำจัดขนในที่ลับกันทั้งนั้น ส่วนในอังกฤษ ตามผลการสำรวจในปี 2005 พบว่า 99% ของหญิงสาวอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไปผ่านการกำจัดขนทั้งสิ้น โดยส่วนใหญ่จะเป็นส่วนรักแร้ ขา และนาผืนน้อย
ด้วยเทรนด์ในการกำจัดขนส่วนลับเฉพาะที่ขยายวงกว้างมากขึ้น ประกอบกับแนวโน้มการติดเชื้อจากปรสิตกินเลือดที่อาศัยอยู่ตามจุดซ่อนเร้นของคน ที่ลดลงอย่างเห็นได้ เช่น ในออสเตรเลีย คลินิกสุขภาพทางเพศหลักในซิดนีย์ไม่พบผู้ป่วยหญิงที่ติดเชื้อโลนมาตั้งแต่ปี 2008 และในกรณีของผู้ชายก็ลดลงถึง 80% จากเมื่อ 10 ปีก่อน จึงชี้ให้เห็นว่า การทำบิกินีแว็กซ์นั้นก็เป็นอีกวิธีกำจัดเจ้าตัวการการติดเชื้อทางเพศที่ติดต่อกันได้ง่ายที่สุดอย่างหนึ่ง นอกเหนือไปจากยาฆ่าโลน ที่ถูกพัฒนาขึ้นในช่วงก่อน และระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2
สำหรับ โลน (pubic louse หรือ crab louse) นั้น ในทางกีฏวิทยาจัดว่าเป็นแมลงไม่มีปีก กลุ่มเดียวกับเหา กินเลือดเป็นอาหาร สามารถติดต่อสู่กันทางอวัยวะสืบพันธุ์ โดยการสัมผัสอย่างใกล้ชิด ซึ่งปกติจะแพร่จากคนหนึ่งไปสู่อีกคนด้วยการมีเซ็กซ์ แต่ก็สามารถติดต่อกันโดยการใช้ข้าวของเครื่องใช้ร่วมกันได้ เช่น ผ้าเช็ดตัว เสื้อผ้า เตียง หรือแม้แต่การใช้ห้องน้ำ โลนก็เหมือนปรสิตทั่วไปคือต้องการอุณหภูมิ และความชื้นจากคน สามารถอาศัยอยู่ได้ทุกส่วนของร่างกาย แต่บริเวณที่ปรสิตชนิดนี้โปรดปรานที่สุดก็คือ ขนในที่ลับ อย่างอวัยวะเพศ และรอบทวารหนัก แต่ในรายของผู้ชายยังอาจพบเจ้าตัวโลนได้ทั้งที่ขนท้อง ขนรักแร้ หนวด เครา หรือกระทั่งขนตาของทั้งเด็ก และผู้ใหญ่
ส่วนอาการของผู้ที่ติดเชื้อปรสิตดังกล่าว ได้แก่ อาการคันบริเวณเนินอวัยวะเพศ ซึ่งเนื่องจากถูกน้ำลายของโลนที่กัดกินเลือดคนคนนั้นเข้าไป และยังทิ้งรอยกัดเอาไว้ให้เห็น โดยจะมีสีน้ำเงินออกเทา หรือสีเทาอมน้ำเงินเข้ม และหากติดต่อเป็นระยะเวลานานก็จะมีอาการคันมากขึ้น แต่การทำบราซิเลียนแวกซ์ ซึ่งเป็นที่นิยมของสาวๆ สมัยใหม่ ที่ต้องการความสวยงาม ความสะอาด และความสะดวกสบาย กลับช่วยกำจัดเจ้าสิ่งมีชีวิตไม่พึงประสงค์นี้ในทางอ้อม ด้วยการทำลายแหล่งที่อยู่อาศัยของพวกมัน
เอียน เอฟ. เบอร์เกสส์ นักกีฏวิทยาการแพทย์ของบริษัทอินเซกต์ รีเสิร์ช แอนด์ ดีเวลลอปเมนต์ ในเมืองเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษกล่าวว่า การตกแต่งขนอวัยวะเพศทำให้จำนวนประชากรโลนร่อยหรอลงอย่างรวดเร็ว จนอาจกลายเป็นหายนะทางธรรมชาติของสัตว์ชนิดนี้เลยทีเดียว
ด้าน ริชาร์ด รัสเซล ผู้อำนวยการกีฏวิทยาทางการแพทย์แห่งโรงพยาบาลเวสต์มีดในนครซิดนีย์ แย้งว่า เป็นการยากที่จะฟันธงว่าโลนนั้นใกล้สูญพันธุ์แล้วจริงหรือไม่ เนื่องจากในอดีต ผู้ป่วยที่ติดเชื้อทางเพศนี้มักไม่ชอบเปิดเผยตัวด้วยเห็นเป็นเรื่องน่าอับอาย แต่ก็ยังชี้ถึงความเป็นไปได้ว่าการกำจัดขนอาจมีส่วนทำให้ประชากรแมลงปรสิตชนิดนี้ลดลง เนื่องจากวงจรชีวิตของโลนตัวเมีย ซึ่งต้องการการจับคู่ผสมพันธุ์เพียงครั้งเดียว เพื่อวางไข่เจริญพันธุ์ได้ตลอดชีวิต กลับจบสิ้นอย่างง่ายดาย หากมันไม่สามารถหาที่ที่เหมาะสมสำหรับวางไข่ได้
อย่างไรก็ตาม แม้การทำบิกินีแวกซ์จะทำให้การติดเชื้อทางเพศจากโลนลดลงอย่างเห็นได้ชัด ทว่า การกำจัดขน ไม่ว่าจะด้วยวิธีการแวกซ์ โกน หรือถอน ก็สามารถก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บบนผิวหนัง ซึ่งจะทำลายเกราะป้องกัน และเอื้อต่อการติดเชื้อที่ส่งผ่านทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากอุปกรณ์ หรือกระบวนการในการกำจัดขนนั้นไม่ถูกสุขอนามัย ก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อสูงขึ้น อีกทั้งการกำจัดขนในทุกวิธีการนั้นก็ยังมีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดขนคุด ซึ่งเป็นโอกาสที่จะก่อให้เกิดการติดเชื้อได้อีกทางหนึ่งด้วย ดังนั้น เราจึงควรศึกษาคำแนะนำถึงวิธีกำจัดขนที่ถูกต้อง และปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดของร่างกายก็ตาม