ทั่วโลกขานรับผู้คุมกฎของสหรัฐฯ สั่งห้ามบิน “ดรีมไลเนอร์” ไม่มีกำหนด

เอเจนซีส์ - หน่วยงานกำกับตรวจสอบการบินพลเรือนในญี่ปุ่น ยุโรป อินเดีย ชิลี และกาตาร์ ตามรอยสหรัฐฯ สั่งระงับเครื่องบินโบอิ้ง 787 ดรีมไลเนอร์ แทบจะทุกเครื่องในโลก ไม่ให้ขึ้นบินชนิดไม่มีกำหนด หลังนักบินสายการบินแดนอาทิตย์อุทัยต้องนำเครื่องลงจอดฉุกเฉินเมื่อวันพุธ (16) จากข้อสงสัยแบตเตอรี่รั่วไหลและเกิดการลุกไหม้

วันพุธที่ผ่านมา สำนักงานบริหารการบินสหรัฐฯ (เอฟเอเอ) ผู้กำหนดมาตรฐานการบินของอเมริกา ออกคำสั่งระงับการขึ้นบินของ โบอิ้ง 787 “ดรีมไลเนอร์” ทุกๆ เครื่องเป็นการชั่วคราว และยืนยันว่าสายการบินต่างๆ ต้องสาธิตให้แน่ใจก่อนว่า แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ซึ่งใช้อยู่ในเครื่องบินรุ่นนี้มีความปลอดภัย จึงจะสามารถนำเครื่องขึ้นให้บริการในดินแดนและน่านฟ้าของสหรัฐฯได้

ด้าน ฮิโรชิ คาอิยามะ รัฐมนตรีช่วยคมนาคมของญี่ปุ่น ประเทศที่มีเครื่องบินโดยสารรุ่นใหม่เอี่ยมของโบอิ้งรุ่นนี้ให้บริการทั้งสิ้น 24 ลำ ขานรับว่า 787 ถูกญี่ปุ่นระงับขึ้นบินไม่มีกำหนดเช่นกัน ส่วนผู้คุมกฎการบินของอินเดียยอมรับว่า ยังไม่ชัดเจนว่าเครื่องบินรุ่นนี้จะกลับมาให้บริการได้เมื่อใด

ขณะที่โฆษกสำนักงานความปลอดภัยด้านการบินแห่งยุโรป แถลงว่า ยุโรปสั่งห้ามดรีมไลเนอร์ขึ้นบินเช่นเดียวกัน ถึงแม้ปัจจุบันยุโรปมีสายการบินเพียงแห่งเดียวที่มี โบอิ้ง 787 ในครอบครอง คือ ล็อต แอร์ไลน์ส ของโปแลนด์

จากเหตุการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้นกับเที่ยวบินภายในประเทศญี่ปุ่นของเอเอ็นเอ จึงกำลังส่งผลให้สายการบินทั่วโลกตัดสินใจระงับการให้บริการด้วยดรีมไลเนอร์รวมแล้ว 46 ลำ จากทั้งหมด 50 ลำที่นำออกให้บริการในเวลานี้

ยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส ร่วมกระแสกับ เอเอ็นเอ และเจแปน แอร์ไลน์ส (เจเอแอล) จอดดรีมไลเนอร์ทิ้งชั่วคราว เช่นเดียวกับ แอร์อินเดีย และแลน แอร์ไลน์ส ของชิลี

เวลาต่อมา กาตาร์ ก็แถลงในวันพฤหัสบดี (17) ไม่นำโบอิ้ง 787 ของตนทั้ง 5 ลำขึ้นบิน

เมื่อหักดรีมไลเนอร์ของ ล็อต แอร์ไลน์ส ซึ่งถูกสำนักงานความปลอดภัยด้านการบินแห่งยุโรปล็อกเอาไว้แล้ว จึงเหลือเพียง เอธิโอเปีย แอร์ไลน์ส เท่านั้นจึงยังคงนำเครื่องรุ่นขึ้นให้บริการอยู่ กระนั้น หน่วยงานคุมกฎการบินของยุโรปก็สำทับว่า กฎระเบียบที่ประกาศออกมาโดย เอฟเอเอ ในตลาดสหรัฐฯที่เป็นตลาดบ้านเกิดของโบอิ้ง ควรจะนำมาใช้กับเครื่องบินรุ่นนี้ทุกๆ ลำทั่วโลกด้วย

นักวิเคราะห์ฟันธงว่า กรณีที่นักบินของ ออล นิปปอน แอร์เวย์ส (เอเอ็นเอ) ของญี่ปุ่น ต้องนำเครื่องลงจอดฉุกเฉินเมื่อวันพุธ ซึ่งเชื่อว่ามีสาเหตุมาจากปัญหาแบตเตอรี่รั่ว และเกิดขึ้นหลังจากมีปัญหาความปลอดภัยอื่นๆ ของดรีมไลเนอร์ปะทุขึ้นในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น กำลังกดดันให้โบอิ้ง ผู้ผลิตเครื่องบินแดนอินทรีที่ฝากความหวังไว้กับเครื่องบินแห่งอนาคตรุ่นนี้ ต้องจัดการรับมือกับวิกฤตนี้ด้วยความรอบคอบ

ดรีมไลเนอร์ที่มีราคาลำละ 207 ล้านดอลลาร์ ใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ป้อนพลังงานด้วยแบตเตอรี่แทนระบบไฮดรอลิกในเครื่องบินรุ่นเก่า และใช้วัสดุผสมที่มีน้ำหนักเบา เหล่านี้คือจุดขายของโบอิ้งสำหรับสายการบินทั้งหลายซึ่งกำลังกังวลกับต้นทุนเชื้อเพลิงที่พุ่งสูงลิบ

จิม แมกเนอร์นีย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของโบอิ้ง แถลงว่า บริษัทเสียใจอย่างลึกซึ้งกับผลกระทบจากหลายๆ กรณีที่เกิดขึ้นกับสายการบินและผู้โดยสารในระยะนี้ และพร้อมดำเนินมาตรการทุกอย่างที่จำเป็นร่วมกับ เอฟเอเอ เพื่อแก้ไขปัญหา

กระนั้น เขาสำทับว่า โบอิ้งยังคงเชื่อมั่นในความปลอดภัยและความสมบูรณ์ของดรีมไลเนอร์

ปัจจุบัน แบตเตอรี่ลิเธียม-อิออนใช้กันอย่างกว้างขวางในอุปกรณ์คอนซูเมอร์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น แล็ปท็อปและสมาร์ทโฟน ทว่า แบตเตอรี่ลิเธียม-อิออนพลังสูงที่ใช้ในดรีมไลเนอร์กลายเป็นที่จับตาหลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเอเอ็นเอ รวมทั้งเที่ยวบินหนึ่งของเจเอแอลเมื่อสัปดาห์ที่แล้วในสหรัฐฯ โดยรายงานระบุว่า มีควันพวยพุ่งในเครื่องบินทั้งสองลำ

เอเอ็นเอเผยว่า พบการรั่วไหลและเผาไหม้ของอิเล็กทรอไลต์ในเคสโลหะบรรจุแบตเตอรี่ และสำนักข่าวเกียวโด รายงานว่า คณะกรรมการความปลอดภัยในการเดินทางของญี่ปุ่น กำลังตรวจสอบเรื่องนี้ภายใต้สมมติฐานแบตเตอรี่ร้อนเกินไป

เอเอ็นเอสำทับว่า แบตเตอรี่ดังกล่าวเพิ่งติดตั้งในเดือนตุลาคมที่ผ่านมาหรือก่อนครบกำหนดเปลี่ยนทุก 2 ปี เนื่องจากแบตเตอรี่ที่ใช้ก่อนหน้ามีข้อบกพร่อง

แบตเตอรี่ดังกล่าวผลิตโดย จีเอส ยัวซา ของญี่ปุ่น หนึ่งในผู้รับเหมาจำนวนมากมายในเครือข่ายการเอาต์ซอร์สงานทั่วโลกที่ซับซ้อน โดยที่โบอิ้งส่งมอบดรีมไลเนอร์ลำแรกที่ผลิตขึ้นให้เอเอ็นเอในปี 2011ล่าช้าไปถึง 3 ปี

ยัวซาออกมาปกป้องประสบการณ์และเทคโนโลยีของตนเอง โดยระบุว่า บริษัทได้จัดหาแบตเตอรี่ให้เธลส์ กรุ๊ปของฝรั่งเศสที่นำไปประกอบเพื่อจัดส่งให้โบอิ้งอีกทอด