เอเอฟพี - ราคาน้ำมันขยับขึ้นวานนี้ (16) เหตุสต๊อกน้ำมันสหรัฐฯ ลดลง ส่วนวอลล์สตรีทปิดกรอบแคบ หลังข่าวคราวปัญหารอบใหม่ของโบอิ้งกลบรัศมีผลประกอบการอันสดใสของบริษัทยักษ์ ขณะที่ทองคำทรงตัว จากเวิลด์แบงก์ปรับลดคาดหมายเศรษฐกิจโลก
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 96 เซ็นต์ ปิดที่ 94.24 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรน์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 31 เซ็นต์ ปิดที่ 110.61 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ตลาดน้ำมันเคลื่อนไหวขานรับรายงานคลังน้ำมันสำรองรายสัปดาห์ของสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (อีไอเอ) ที่ระบุว่าในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 11 มกราคม น้ำมันดิบของประเทศลดลง 1 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดหมายว่าจะเพิ่มขึ้น 2.1 ล้านบาร์เรล
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้ (16) ปิดผสมผสาน ขณะที่ข่าวคราวปัญหารอบใหม่ของโบอิ้งกลบรัศมีผลประกอบการอันสดใสของบริษัทยักษ์ต่างๆ โดยเฉพาะเหล่าธนาคารชั้นนำทั้งหลาย
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ลดลง 26.34 จุด (0.19 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 13,508.55 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 6.77 จุด (0.22 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,117.54 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 0.04 จุด (0.00 เปอร์เซนต์) ปิดที่ 1,472.38 จุด
โบอิ้งกลายเป็นข่าวพาดหัวอีกครั้ง หลังเครื่องบินดรีมไลเนอร์787 ของออล นิปปอน แอร์เวย์ส ต้องลงจอดฉุกเฉินในญี่ปุ่น ปัญหาดังกล่าว ทำให้บริษัทแห่งนี้และเจแปน แอร์ไลนส์ (เจเอแอล) ซึ่งต่างเป็นลูกค้า ที่สั่งซื้อดรีมไลเนอร์ รายใหญ่ที่สุดของโบอิ้ง ได้ประกาศหยุดบินเครื่องบินรุ่นดังกล่าวไว้เป็นการชั่วคราว เพื่อตรวจสอบระบบความปลอดภัย
กรณีดังกล่าวประกอบกับปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นหลายครั้งเมื่อเร็วๆ นี้ จุดชนวนให้ทางสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐฯ (เอฟเอเอ) ก็ลงมือสืบสวนเรื่องดังกล่าวด้วยเช่นกัน ขณะที่วิกฤตที่โบอื้งกำลังเผชิญได้ฉุดให้หุ้นของบริษัทปิดลบถึงร้อยละ 3.7
ด้านราคาทองคำวานนี้ (16) ขยับลงเล็กน้อย หลังเวิลด์แบงก์ประมาณการณ์รอบใหม่ว่าการเติบโตของเศรษฐกิจโลกปี 2013 จะอ่อนแอกว่าที่คาดหมายไว้ก่อนหน้านี้ โดยราคาทองคำตลาดโคเมกซ์ของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ลดลง 70 เซ็นต์ ปิดที่ 1,683.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ธนาคารโลกคาดหมายล่าสุดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติในปี 2013 จะเติบโตร้อยละ 2.4 จากที่เติบโตร้อยละ 2.3 ในปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามถือว่าเป็นการปรับลดจากคำพยากรณ์ก่อนหน้านี้ ที่ประมาณการณ์ไว้ว่าเศรษฐกิจโลกน่าจะเติบโตถึงร้อยละ 3