เอเจนซีส์ – ANA กับ JAL สองสายการบินใหญ่ที่สุดของแดนอาทิตย์อุทัย เมื่อวันพุธ(16)สั่งระงับการให้บริการด้วยเครื่องบินโดยสาร โบอิ้ง 787 ดรีมไลเนอร์ ทั้งฝูงเป็นการชั่วคราว หลังเกิดเหตุขัดข้องมากมายตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ล่าสุดคือแบตเตอรี่บกพร่องที่ทำให้เที่ยวบินภายในประเทศของเอเอ็นเอต้องลงจอดฉุกเฉิน ส่วนทางด้านหน่วยงานการบินพลเรือนของอเมริกาและญี่ปุ่นประกาศขยายการตรวจสอบความปลอดภัยของเครื่องบินโดยสารรุ่นใหม่เอี่ยมของบริษัทโบอิ้งรุ่นนี้ กระนั้น สายการบินหลายแห่งทั่วโลกยังยืนยันไม่ยกเลิกคำสั่งซื้อ
โอซามุ วาตานาเบะ รองประธาน ออล นิปปอน แอร์เวย์ส (เอเอ็นเอ) ของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นสายการบินแห่งแรกในโลกที่ได้รับมอบเครื่องบิน 787 ดรีมไลเนอร์จากโบอิ้ง เปิดแถลงข่าวเมื่อวันพุธ (16) โดยแจกแจงว่า ขณะที่ดรีมไลเนอร์ในเที่ยวบินภายในประเทศมุ่งสู่โตเกียว กำลังอยู่ระหว่างการเดินทางนั้น อุปกรณ์ในห้องนักบินตรวจพบควันที่เชื่อว่าเกิดจากแบตเตอรี่ในส่วนจ่ายไฟหลัก นอกจากนี้ผู้โดยสารยังได้กลิ่นควันลอยเข้าสู่ห้องโดยสาร ส่งผลให้นักบินตัดสินใจนำเครื่องลงจอดฉุกเฉินอย่างปลอดภัยในเมืองทาคามัตสึ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ อากิฮิโร โอตะ รัฐมนตรีคมนาคมญี่ปุ่น แถลงว่า นี่เป็นเหตุการณ์ร้ายแรงที่อาจนำไปสู่อุบัติเหตุรุนแรงได้
ทั้งเอเอ็นเอและคู่แข่งสำคัญอย่าง เจแปน แอร์ไลนส์ (เจเอแอล) ซึ่งต่างก็ติดกลุ่มลูกค้ารายใหญ่สุดของดรีมไลเนอร์ ระบุว่า จะงดให้บริการด้วยเครื่องรุ่นนี้ไปอย่างน้อยจนถึงวันพฤหัสบดี (17) เพื่อตรวจสอบความปลอดภัย
เอเอ็นเอมีดรีมไลเนอร์ในกองบิน 17 ลำ ส่วนเจเอแอลมี 7 ลำ ซึ่งเมื่อรวมกันแล้วก็เท่ากับราวครึ่งหนึ่งของเครื่องรุ่นนี้ที่กำลังบินให้บริการ 49 ลำทั่วโลกในขณะนี้ ขณะที่มีคำสั่งซื้อรอเข้าคิวอยู่อีกเกือบ 850 ลำ
ดรีมไลเนอร์ถือเป็นความหวังของวงการการบิน โดยนอกจากเป็นเครื่องบินรุ่นแรกของโลกที่ใช้วัสดุคาร์บอนเป็นส่วนประกอบจำนวนมากแทนที่อลูมิเนียมแล้ว ยังใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แทนที่อุปกรณ์ไฮโดรลิกส์ ทำให้มีน้ำหนักเบาและประหยัดเชื้อเพลิงขึ้นมาก
โบอิ้ง ซึ่งเอาต์ซอร์สงานผลิตจำนวนมากให้ผู้รับเหมาช่วงในญี่ปุ่นและประเทศอื่นๆ ยังคุยด้วยว่า การใช้เชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพของดรีมไลเนอร์ ถือเป็นการปฏิวัติการออกแบบเครื่องบินทีเดียว
ทว่า โครงการนี้กลับเผชิญปัญหาหนักจากต้นทุนบานปลาย นอกจากนี้ ผู้สังเกตการณ์บางคนยังชี้ว่า โบอิ้งอาจรีบร้อนผลิตดรีมไลเนอร์หลังจากล่าช้ากว่ากำหนดหลายปี ส่งผลให้เกิดปัญหามากมายในขณะนี้
กล่าวคือตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาดูเหมือนดรีมไลเนอร์ขยันสร้างแต่ข่าวร้าย ทั้งน้ำมันรั่วและหน้าต่างห้องนักบินร้าว ซ้ำยังมีรายงานเพลิงไหม้จากแบตเตอรี่ในหน่วยสำรองไฟฟ้าของเครื่องเจเอแอล ที่กำลังจอดที่เมืองบอสตัน
ทั้งสำนักงานการบินของสหรัฐฯ (เอฟเอเอ) และกระทรวงคมนาคมญี่ปุ่นต่างประกาศขยายการตรวจสอบดรีมไลเนอร์ที่กำลังดำเนินการอยู่ เพื่อครอบคลุมสถานการณ์ปัญหาล่าสุด ขณะที่ทางการอินเดียเริ่มการตรวจสอบของตนเองด้วยเช่นกัน กระนั้น แอร์ อินเดียสำทับว่า ยังไม่มีแผนระงับการให้บริการด้วยดรีมไลเนอร์แต่อย่างใด
เอฟเอเอนั้นแถลงว่า จะรวมเหตุการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้นเข้าไว้ในแผนการตรวจสอบทบทวนที่เริ่มต้นมาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว โดยมุ่งครอบคลุมทั้งด้านการออกแบบ การผลิต และการประกอบ
ชูการ์ ยูซอฟ นักวิเคราะห์หุ้นอุตสาหกรรมการบิน ของ อิควิตี้ รีเสิร์ช ในสิงคโปร์ในสังกัดสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส (เอสแอนด์พี) ชี้ว่า โบอิ้งจะได้รับผลกระทบรุนแรงหากเอฟเอเอสั่งปรับปรุงยกเครื่องการออกแบบดรีมไลเนอร์
แม้ข้อบกพร่องทางเทคนิคแทบเป็นเรื่องปกติสำหรับเครื่องบินรุ่นใหม่ แต่ยูซอฟมองว่า ปัญหาของดรีมไลเนอร์ “น่ากระอักกระอ่วนอย่างมาก” สำหรับโบอิ้ง เนื่องจากเครื่องรุ่นนี้เปิดตัวล่าช้าเกือบ 3 ปี บรรดาว่าที่ลูกค้าจึงย่อมเกิดข้อสงสัยในประเด็นความปลอดภัยแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเอเอ็นเอแถลงว่ายังคงคำสั่งซื้อเครื่อง 787 ลำใหม่ๆ ที่มีมูลค่าเรือนพันล้านดอลลาร์และมีกำหนดส่งมอบในเวลาต่อไป เช่นเดียวกับสายการบินอีกหลายแห่งทั่วโลก เป็นต้นว่า บริติช แอร์เวย์ส, สิงคโปร์ แอร์ไลนส์, แควนตัส และโคเรียน แอร์
ด้านโบอิ้งยืนยันว่า เชื่อมั่นเต็มเปี่ยมในดรีมไลเนอร์
มาร์ก เบอร์เทล โฆษกของผู้ผลิตเครื่องบินหมายเลข 1 ของอเมริกาแห่งนี้ เผยว่า ได้รับรายงานเหตุการณ์ล่าสุดแล้ว และบริษัทกำลังร่วมกับลูกค้าเพื่อคลี่คลายปัญหา
โอซามุ วาตานาเบะ รองประธาน ออล นิปปอน แอร์เวย์ส (เอเอ็นเอ) ของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นสายการบินแห่งแรกในโลกที่ได้รับมอบเครื่องบิน 787 ดรีมไลเนอร์จากโบอิ้ง เปิดแถลงข่าวเมื่อวันพุธ (16) โดยแจกแจงว่า ขณะที่ดรีมไลเนอร์ในเที่ยวบินภายในประเทศมุ่งสู่โตเกียว กำลังอยู่ระหว่างการเดินทางนั้น อุปกรณ์ในห้องนักบินตรวจพบควันที่เชื่อว่าเกิดจากแบตเตอรี่ในส่วนจ่ายไฟหลัก นอกจากนี้ผู้โดยสารยังได้กลิ่นควันลอยเข้าสู่ห้องโดยสาร ส่งผลให้นักบินตัดสินใจนำเครื่องลงจอดฉุกเฉินอย่างปลอดภัยในเมืองทาคามัตสึ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ อากิฮิโร โอตะ รัฐมนตรีคมนาคมญี่ปุ่น แถลงว่า นี่เป็นเหตุการณ์ร้ายแรงที่อาจนำไปสู่อุบัติเหตุรุนแรงได้
ทั้งเอเอ็นเอและคู่แข่งสำคัญอย่าง เจแปน แอร์ไลนส์ (เจเอแอล) ซึ่งต่างก็ติดกลุ่มลูกค้ารายใหญ่สุดของดรีมไลเนอร์ ระบุว่า จะงดให้บริการด้วยเครื่องรุ่นนี้ไปอย่างน้อยจนถึงวันพฤหัสบดี (17) เพื่อตรวจสอบความปลอดภัย
เอเอ็นเอมีดรีมไลเนอร์ในกองบิน 17 ลำ ส่วนเจเอแอลมี 7 ลำ ซึ่งเมื่อรวมกันแล้วก็เท่ากับราวครึ่งหนึ่งของเครื่องรุ่นนี้ที่กำลังบินให้บริการ 49 ลำทั่วโลกในขณะนี้ ขณะที่มีคำสั่งซื้อรอเข้าคิวอยู่อีกเกือบ 850 ลำ
ดรีมไลเนอร์ถือเป็นความหวังของวงการการบิน โดยนอกจากเป็นเครื่องบินรุ่นแรกของโลกที่ใช้วัสดุคาร์บอนเป็นส่วนประกอบจำนวนมากแทนที่อลูมิเนียมแล้ว ยังใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แทนที่อุปกรณ์ไฮโดรลิกส์ ทำให้มีน้ำหนักเบาและประหยัดเชื้อเพลิงขึ้นมาก
โบอิ้ง ซึ่งเอาต์ซอร์สงานผลิตจำนวนมากให้ผู้รับเหมาช่วงในญี่ปุ่นและประเทศอื่นๆ ยังคุยด้วยว่า การใช้เชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพของดรีมไลเนอร์ ถือเป็นการปฏิวัติการออกแบบเครื่องบินทีเดียว
ทว่า โครงการนี้กลับเผชิญปัญหาหนักจากต้นทุนบานปลาย นอกจากนี้ ผู้สังเกตการณ์บางคนยังชี้ว่า โบอิ้งอาจรีบร้อนผลิตดรีมไลเนอร์หลังจากล่าช้ากว่ากำหนดหลายปี ส่งผลให้เกิดปัญหามากมายในขณะนี้
กล่าวคือตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาดูเหมือนดรีมไลเนอร์ขยันสร้างแต่ข่าวร้าย ทั้งน้ำมันรั่วและหน้าต่างห้องนักบินร้าว ซ้ำยังมีรายงานเพลิงไหม้จากแบตเตอรี่ในหน่วยสำรองไฟฟ้าของเครื่องเจเอแอล ที่กำลังจอดที่เมืองบอสตัน
ทั้งสำนักงานการบินของสหรัฐฯ (เอฟเอเอ) และกระทรวงคมนาคมญี่ปุ่นต่างประกาศขยายการตรวจสอบดรีมไลเนอร์ที่กำลังดำเนินการอยู่ เพื่อครอบคลุมสถานการณ์ปัญหาล่าสุด ขณะที่ทางการอินเดียเริ่มการตรวจสอบของตนเองด้วยเช่นกัน กระนั้น แอร์ อินเดียสำทับว่า ยังไม่มีแผนระงับการให้บริการด้วยดรีมไลเนอร์แต่อย่างใด
เอฟเอเอนั้นแถลงว่า จะรวมเหตุการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้นเข้าไว้ในแผนการตรวจสอบทบทวนที่เริ่มต้นมาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว โดยมุ่งครอบคลุมทั้งด้านการออกแบบ การผลิต และการประกอบ
ชูการ์ ยูซอฟ นักวิเคราะห์หุ้นอุตสาหกรรมการบิน ของ อิควิตี้ รีเสิร์ช ในสิงคโปร์ในสังกัดสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส (เอสแอนด์พี) ชี้ว่า โบอิ้งจะได้รับผลกระทบรุนแรงหากเอฟเอเอสั่งปรับปรุงยกเครื่องการออกแบบดรีมไลเนอร์
แม้ข้อบกพร่องทางเทคนิคแทบเป็นเรื่องปกติสำหรับเครื่องบินรุ่นใหม่ แต่ยูซอฟมองว่า ปัญหาของดรีมไลเนอร์ “น่ากระอักกระอ่วนอย่างมาก” สำหรับโบอิ้ง เนื่องจากเครื่องรุ่นนี้เปิดตัวล่าช้าเกือบ 3 ปี บรรดาว่าที่ลูกค้าจึงย่อมเกิดข้อสงสัยในประเด็นความปลอดภัยแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเอเอ็นเอแถลงว่ายังคงคำสั่งซื้อเครื่อง 787 ลำใหม่ๆ ที่มีมูลค่าเรือนพันล้านดอลลาร์และมีกำหนดส่งมอบในเวลาต่อไป เช่นเดียวกับสายการบินอีกหลายแห่งทั่วโลก เป็นต้นว่า บริติช แอร์เวย์ส, สิงคโปร์ แอร์ไลนส์, แควนตัส และโคเรียน แอร์
ด้านโบอิ้งยืนยันว่า เชื่อมั่นเต็มเปี่ยมในดรีมไลเนอร์
มาร์ก เบอร์เทล โฆษกของผู้ผลิตเครื่องบินหมายเลข 1 ของอเมริกาแห่งนี้ เผยว่า ได้รับรายงานเหตุการณ์ล่าสุดแล้ว และบริษัทกำลังร่วมกับลูกค้าเพื่อคลี่คลายปัญหา