เอเอฟพี - รัฐบาลเกาหลีเหนือยื่นคำร้องขอเปิดสถานทูตในออสเตรเลียอีกครั้งหลังปิดตัวไปเมื่อปี 2008 รัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลีย บ็อบ คาร์ แถลงวันนี้ (16) พร้อมระบุว่าเป็นเรื่องน่ายินดี เพราะจะช่วยให้ออสเตรเลียสามารถสื่อสารกับเปียงยางเกี่ยวกับปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน “อย่างร้ายแรง” ในเกาหลีเหนือ
คำร้องขอเปิดสถานทูตในกรุงแคนเบอร์ราเป็นส่วนหนึ่งของแผนเปลี่ยนแปลงประเทศครั้งใหญ่ของ คิม จอง อึน ผู้นำวัยหนุ่มแห่งรัฐโสมแดง
คาร์ ให้สัมภาษณ์ต่อสำนักข่าว เอบีซี 24 ว่า “เกาหลีเหนือได้ร้องขอเปิดสถานทูตในออสเตรเลียอีกครั้ง”
“ทางเรายินดีที่จะมีการเปิดสถานทูตเกาหลีเหนือ เพราะจะเป็นช่องทางให้เราได้แสดงออกถึงความกังวลอย่างยิ่งยวดเกี่ยวกับปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงในเกาหลีเหนือ”
ทั้งนี้ คาร์ขอให้สื่อมวลชนไปสอบถามจากเกาหลีเหนือเองว่าเหตุใดจึงคิดจะเปิดสถานทูตในออสเตรเลียอีกครั้ง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ได้สั่งปิดไปเนื่องจากปัญหาด้านการเงิน
ผู้นำคิมซึ่งสืบทอดอำนาจต่อจากบิดา คิม จองอิล ส่งสัญญาณหลายประการว่าจะมีการปฏิรูปเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของเกาหลีเหนือ โดยสุนทรพจน์ในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา คิมชี้ว่าปี 2013 จะเป็นปีแห่ง “การริเริ่มที่ยิ่งใหญ่ และการเปลี่ยนแปลงชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ” และ “การเปลี่ยนประเทศให้เป็นมหาอำนาจยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจ” ถือเป็นภารกิจที่สำคัญที่สุด
รัฐบาลออสเตรเลียประกาศคว่ำบาตรเกาหลีเหนือเพื่อตอบโต้การยิงขีปนาวุธพิสัยไกลและทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ และไม่นานมานี้ รัฐมนตรีต่างประเทศเมืองจิงโจ้ก็เพิ่งกล่าวถึง “เครือข่ายค่ายกักกัน” ผู้เป็นปฏิปักษ์ต่อเปียงยาง ซึ่งในปัจจุบันมีนักโทษการเมืองประมาณ 200,000 คนถูกคุมขังอยู่ในสภาพอดอยาก และบ้างก็ถูกประหารชีวิต
“การเปิดสถานทูตในกรุงแคนเบอร์ราจะช่วยให้เราสามารถแสดงออกถึงความกังวลต่อวิกฤตสิทธิมนุษยชนในเกาหลีเหนือ ซึ่งเป็นดินแดนที่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างเป็นระบบมากที่สุดบนโลกใบนี้”
ออสเตรเลียและเกาหลีเหนือเริ่มสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตในปี 1974 และเปียงยางก็ได้เปิดสถานทูตในกรุงแคนเบอร์ราในเดือนธันวาคมปีเดียวกัน ส่วนสถานทูตออสเตรเลีย ณ กรุงเปียงยาง เปิดทำการในปี 1975
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเกาหลีเหนือประกาศขับเจ้าหน้าที่ทูตออสเตรเลียออกจากประเทศเพียง 6 เดือนให้หลัง โดยไม่มีคำอธิบายใดๆทั้งสิ้น และต้องใช้เวลาอีกหลายสิบปีกว่าทั้ง 2 ชาติจะกลับมาสานสัมพันธ์ทางการทูตอีกครั้งในปี 2000