เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ยอดกำลังพลในกองทัพสหรัฐฯ ที่เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายระหว่างประจำการในปี 2012 ที่ผ่านมาพุ่งสูงทำสถิติใหม่ที่ 349 ราย และถือเป็นการสูญเสียที่มากกว่าจำนวนทหารอเมริกันที่เสียชีวิตจากการสู้รบในอัฟกานิสถานในปีที่ผ่านมา ซึ่งมีทั้งสิ้น 295 ราย
รายงานของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) ที่มีการเผยแพร่เมื่อวันจันทร์ (14) ระบุทางกระทรวงฯ กำลังประสบปัญหาในการลดความเครียดในหมู่กำลังพลของกองทัพสหรัฐฯ โดยเฉพาะในกลุ่มทหารที่ต้องถูกส่งไปกรำศึกนานหลายปีทั้งในอิรักและสมรภูมิอัฟกานิสถาน หลังยอดกำลังพลในกองทัพสหรัฐฯ ที่เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายระหว่างประจำการในปี 2012 ที่ผ่านมาพุ่งสูงทำสถิติใหม่ที่ 349 ราย ซึ่งในจำนวนดังกล่าวเป็นกำลังพลสังกัดกองทัพบกมากที่สุด 182 ราย รองลงมา คือ กองทัพเรือ 60 ราย และกองทัพอากาศ 59 ราย ขณะที่สมาชิกของหน่วยนาวิกโยธินมีการฆ่าตัวตายในปีที่ผ่านมา 48 ราย โดยสถิติการฆ่าตัวตายของทหารสหรัฐฯยังคงพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2006 เป็นต้นมา
โดยนอกจากความเครียดที่เกิดจากการสะสมของประสบการณ์อันเลวร้ายในสนามรบแล้ว กำลังพลของสหรัฐฯจำนวนมากยังรู้สึกวิตกกังวลต่ออนาคตของตัวเองที่อาจกลายสภาพจาก “วีรบุรุษสงคราม” เป็น “ผู้ว่างงาน” หลังรัฐบาลสหรัฐฯ ในยุคของประธานาธิบดีบารัค โอบามา มีความจำเป็นต้องตัดลดงบประมาณทางทหารลงอย่างสำคัญ ซึ่งรวมถึงการลดจำนวนกำลังพลในกองทัพลงเพื่อลดค่าใช้จ่าย
ทั้งนี้ ยอดกำลังพลสหรัฐฯ ที่ฆ่าตัวตายระหว่างประจำการในปี 2012 ที่ 349 รายนั้น สูงกว่าในปี 2011 ที่มี 301 ราย และยังสูงกว่าการประเมินของเพนตากอนที่คาดว่าจะมีไม่เกิน 325 คน
อย่างไรก็ดี ทางเพนตากอนอ้างว่า อัตราการฆ่าตัวตายในกองทัพสหรัฐฯในปัจจุบัน ยังอยู่ที่ระดับ 17.5 ต่อ 100,000 คนซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่าอัตราการฆ่าตัวตายของพลเรือนอเมริกันเพศชายอายุ 17-60 ล่าสุดที่สูงถึง 25 ต่อ 100,000