เอเอฟพี/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - รัฐบาลญี่ปุ่นชุดใหม่ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีสายเหยี่ยว ชินโซ อาเบะและพรรคลิเบอรัล เดโมเครติก ปาร์ตี (แอลดีพี) ประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 10.3 ล้านล้านเยน (ราว 3.5 ล้านล้านบาท) ในวันศุกร์ (11) หวังฟื้นเศรษฐกิจของญี่ปุ่นซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของโลกรองจากสหรัฐฯ และจีน ให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ถือเป็นการประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งแรกนับตั้งแต่ที่อาเบะก้าวขึ้นครองอำนาจหลังการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อกลางเดือนธันวาคมปีที่แล้ว
นายกรัฐมนตรีอาเบะเผยว่า แพกเกจกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าวมีจุดประสงค์หลักเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ซบเซาของประเทศ โดยคาดว่าการใช้จ่ายเม็ดเงินดังกล่าวจะช่วยผลักดันให้อัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของญี่ปุ่นขยายตัวเพิ่มขึ้นราว 2 เปอร์เซ็นต์ และจะช่วยสร้างตำแหน่งงานใหม่ๆแก่ชาวญี่ปุ่นราว 600,000 ตำแหน่ง
ในอีกด้านหนึ่ง การประกาศอัดฉีดเม็ดเงินจำนวนมหาศาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในครั้งนี้ ย่อมส่งผลให้ปัญหาด้านการเงินการคลังของรัฐบาลญี่ปุ่นย่ำแย่ลงอีก เนื่องจากหนี้สินภาครัฐของญี่ปุ่นในเวลานี้พุ่งสูงจนแตะระดับ 220 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีแล้ว
อย่างไรก็ดี อาเบะ วัย 58 ปี ซึ่งก้าวขึ้นครองตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นสมัยที่ 2 หลังจากเคยทำหน้าที่หัวหน้ารัฐบาลญี่ปุ่นมาแล้วในช่วงปี 2006-2007 ยืนยันว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งนี้ถือเป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยฉุดให้ญี่ปุ่นก้าวพ้นจากภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจรอบล่าสุด ซึ่งถือเป็นรอบที่ 5 ภายในระยะเวลาเพียง 15 ปี
นอกจากจุดมุ่งหมายในการกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจและการสร้างงานแล้ว นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นยังระบุว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีการประกาศล่าสุดยังจะให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูบูรณะพื้นที่แถบตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะฮอนชู ที่ได้รับความเสียหายย่อยยับจากภัยพิบัติแผ่นดินไหวและสึนามิเมื่อวันที่ 11 มีนาคม ปี 2011 ด้วยเช่นกัน โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณทั้งสิ้น 3.8 ล้านล้านเยน จากงบกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีการประกาศทั้งหมด 10.3 ล้านล้านเยน ทั้งในส่วนของการลงทุนเพื่อพัฒนาระบบป้องกันภัยพิบัติทางธรรมชาติ การเสริมสร้างความมั่นคงทางสังคม และการชุบชีวิตเศรษฐกิจของเขตดังกล่าว