เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ)ออกโรงเตือนในวันเสาร์ (1) โดยระบุ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) อาจเผชิญ “วิกฤตฟองสบู่” ในภาคอสังหาริมทรัพย์รอบใหม่ หากรัฐบาลยังคงใช้จ่ายเกินตัวและทุ่มงบประมาณมหาศาลของประเทศไปในโครงการพัฒนาสุดอลังการ
คำแถลงของไอเอ็มเอฟระบุว่า แม้ในปี 2014 นี้ อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยภาพรวมของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์อาจเติบโตได้ราว 4.5 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็มีความเสี่ยงในระดับที่สูงมาก ที่ดินแดนอาหรับอันมั่งคั่งแถบอ่าวเปอร์เซียแห่งนี้อาจต้องเผชิญกับวิกฤตฟองสบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ระลอกใหม่ แม้ว่ายูเออีเพิ่งจะผ่านพ้นวิกฤตภาคอสังหาริมทรัพย์เมื่อช่วงปี 2008-2009 มาได้ไม่นาน
ไอเอ็มเอฟชี้ว่า ภาคเศรษฐกิจที่ “ไม่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน” จะยังคงเป็นตัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของยูเออีในปีนี้ ขณะที่ภาคส่วนพลังงานจะลดบทบาทลง สืบเนื่องมาจากปริมาณน้ำมันในตลาดโลกที่มีอย่างล้นเหลือ
อย่างไรก็ดี ฮาราลด์ ฟิงเกอร์ หัวหน้าคณะทำงานของไอเอ็มเอฟที่เพิ่งเดินทางเข้าไปประเมินสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจในยูเออี เมื่อไม่นานมานี้เตือนว่า ยูเออีเผชิญความเสี่ยงต่อการเกิดวิกฤตฟองสบู่รอบใหม่ จากการที่ราคาของอสังหาริมทรัพย์ในประเทศ โดยเฉพาะใน “ดูไบ” ได้ปรับเพิ่มสูงขึ้นอย่างพรวดพราดมากกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา สวนทางกับกำลังซื้อและสภาพของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โดยรวมที่ยังคง “เปราะบาง”
ก่อนหน้านี้ ผลสำรวจเชิงวิเคราะห์ของรอยเตอร์ระบุว่า เศรษฐกิจยูเออีในช่วงระหว่างปี 2013-2015 อาจเติบโตเฉลี่ย 4.3 เปอร์เซ็นต์ หากรัฐบาลยูเออีสามารถรักษาวินัยทางการคลัง และเลิกพฤติกรรมการใช้จ่ายที่เกินตัว
ทั้งนี้ ไอเอ็มเอฟเตือนว่า สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์อาจถึงขั้นต้องเผชิญกับหายนะทางเศรษฐกิจจากยอดหนี้สินที่พุ่งสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ โดยระบุว่า ลำพังเอมิเรตส์ชื่อดังอย่างดูไบเพียงแห่งเดียว จะมียอดหนี้สินภาครัฐพอกพูนมากกว่า 78,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 2.6 ล้านล้านบาท) ระหว่างปี 2014-2017 ทั้งๆ ที่ดูไบยังไม่สามารถชำระหนี้สินก้อนเดิม ที่มีจำนวนกว่า 20,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 660,500 ล้านบาท) ที่กู้ยืมมาจากเอมิเรตส์เพื่อนบ้านอย่าง “อาบู ดาบี” เมื่อปี 2009