เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - เศรษฐกิจของสิงคโปร์ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2012 ขยายตัวมากกว่าที่บรรดานักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ และรอดพ้นจากภาวะถดถอย หลังอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.8 เปอร์เซ็นต์ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี จากไตรมาสก่อนหน้าที่มีการหดตัวถึง 6.3 เปอร์เซ็นต์
ตัวเลขการเติบโตของจีดีพีในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่ 1.8 เปอร์เซ็นต์ดังกล่าวถือเป็นตัวเลขที่สูงกว่าการประเมินของบรรดานักเศรษฐศาสตร์จากหลายสำนักก่อนหน้านี้ ที่ระบุ เศรษฐกิจสิงคโปร์ในช่วงดังกล่าวไม่น่าจะโตได้เกิน 1.6 เปอร์เซ็นต์ ขณะเดียวกัน คำแถลงของกระทรวงการค้าสิงคโปร์ที่มีการเผยแพร่ในวันพุธ (2) ยังระบุว่า เศรษฐกิจของสิงคโปร์ในภาพรวมของปี 2012 ที่เพิ่งผ่านพ้นไปมีการเติบโตทั้งปีที่ 1.2 เปอร์เซ็นต์ แม้ตัวเลขดังกล่าวจะน้อยกว่าอัตราการเติบโตของปี 2011 ถึง 1 ใน 4 ก็ตาม
ด้านนายกรัฐมนตรีลี เซียน ลุง ออกมาเปิดเผยเมื่อวันที่ 31 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยระบุว่า เศรษฐกิจของสิงคโปร์อาจมีการเติบโตได้ราว 1-3 เปอร์เซ็นต์ในปี 2013 พร้อมย้ำว่า จากนี้ไปสิงคโปร์กำลังจะก้าวเข้าสู่ “ยุคใหม่” ซึ่งจะมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจรายปีในอัตราต่ำแต่มีเสถียรภาพ แทนที่การเติบโตอย่างร้อนแรงที่ดำเนินมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา
นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ วัย 60 ปี ซึ่งก้าวขึ้นครองอำนาจตั้งแต่เดือนสิงหาคม ปี 2004 ยังแสดงความมั่นใจว่า เศรษฐกิจของประเทศจะไม่ก้าวเข้าสู่ภาวะถดถอยอีก แม้วิกฤตในตลาดส่งออกสำคัญอย่างยุโรป และสหรัฐฯ จะยังไม่คลี่คลาย
ทั้งนี้ ครั้งล่าสุดที่สิงคโปร์ประสบภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ คือช่วงปลายปี 2008 จนถึงช่วงต้นปี 2009 ซึ่งในครั้งนั้นเศรษฐกิจของสิงคโปร์มีการหดตัวติดต่อกันถึง 4 ไตรมาส ถือเป็นภาวะการถดถอยทางเศรษฐกิจที่เลวร้ายที่สุดของสิงคโปร์นับตั้งแต่ได้รับเอกราชเมื่อปี 1965 เป็นต้นมา