เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-นายกรัฐมนตรีลี เซียน ลุง แห่งสิงคโปร์เผยในวันจันทร์ (3) ระบุ จะไม่ตั้งเป้าสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจในอัตราที่สูงแบบบ้าคลั่งดังเช่นตลอดหลายปีที่ผ่านมา ชี้ นับจากนี้สิงคโปร์จะเน้นสร้างความเติบโตแบบยั่งยืน เผย อัตราการเติบโตที่ 2 เปอร์เซ็นต์ต่อปีก็เพียงพอแล้ว
นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ วัย 60 ปี ซึ่งก้าวขึ้นครองอำนาจมาตั้งแต่ปี 2004 กล่าวระหว่างเข้าร่วมการประชุมของพรรคกิจประชา (People's Action Party) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล โดยระบุ ในอดีต สิงคโปร์เคยหมกมุ่นอยู่กับการสร้างความเติบโตทางเศรษฐกิจและตั้งเป้าการเติบโตในแต่ละปีไว้สูงถึงราว 7-8 เปอร์เซ็นต์ต่อปี ขณะที่ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศก็ถูกกำหนดไว้ที่เฉลี่ย 5 เปอร์เซ็นต์ต่อปี
ผู้นำสิงคโปร์ระบุว่า นับจากนี้ หากปีใดที่เศรษฐกิจของประเทศสามารถเติบโตได้ถึงปีละ 3-4 เปอร์เซ็นต์ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่เนื่องจากสิงคโปร์กำลังจะต้องเผชิญปัญหาการลดจำนวนลงของประชากรวัยแรงงานในอนาคต ดังนั้น การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ 2 เปอร์เซ็นต์ต่อปีนับจากนี้ จึงถือเป็นเป้าหมายที่น่าพอใจแล้ว และน่าจะเป็นเป้าหมายที่มีความเหมาะสมและยั่งยืน
“ผมไม่ได้ต้องการให้เราเลิกให้ความสำคัญกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ สิงคโปร์ยังคงต้องการการเติบโต แต่ที่ผ่านมาดูเหมือนเราจะหมกมุ่นกับการสร้างความเติบโตมากเกินไป นับจากนี้ผมเห็นว่า เราควรต้องหันมาสร้างค่านิยมใหม่ในเรื่องดังกล่าว” นายกรัฐมนตรีลี เซียน ลุงกล่าว พร้อมย้ำว่า นอกจากการสร้างการเติบโตแบบยั่งยืนแล้ว สิ่งที่สังคมสิงคโปร์จะต้องยึดถือนั่นคือ “ระบบคุณธรรมนิยม” ที่เน้นการสร้างความสำเร็จโดยไม่ใช้สิทธิพิเศษทางชนชั้นต่างๆ
ทั้งนี้ สิงคโปร์ได้ใช้เวลาในการพัฒนาตัวเองจากการเป็นประเทศโลกที่ 3 ไปสู่การเป็นหนึ่งในดินแดนที่ร่ำรวยที่สุดของโลกโดยใช้เวลาเพียงครึ่งศตวรรษ และในปัจจุบันสิงคโปร์ซึ่งมีประชากรเพียง 5 ล้านคนถือเป็น 1 ใน 4 ศูนย์กลางทางการเงินที่สำคัญที่สุดของโลก และเป็นเมืองท่าที่มีความคับคั่งของการขนส่งสินค้าติด 5 อันดับแรกของโลก