รอยเตอร์ - ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซียลงนามรับรองกฎหมายห้ามชาวอเมริกันรับเด็กรัสเซียเป็นบุตรบุญธรรม และมาตรการคว่ำบาตรด้านอื่นๆ วานนี้(28) เพื่อตอบโต้กฎหมายด้านสิทธิมนุษยชนฉบับใหม่ของสหรัฐฯซึ่งมอสโกเห็นว่า เป็นการบั่นทอนความสัมพันธ์ระหว่างสองมหาอำนาจ
วอชิงตันออกมาตำหนิกฎหมายของ ปูติน ว่าเป็นแนวคิดที่ผิด เพราะเป็นการนำชะตากรรมของเด็กไปผูกติดกับเรื่องการเมือง ขณะที่นักวิเคราะห์เตือนว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯกับรัสเซียอาจยิ่งร้าวฉาน และจะทำให้ภาพลักษณ์ของ ปูติน ในเวทีนานาชาติเสื่อมเสียด้วย
ดมิตรี เปซคอฟ โฆษกของปูติน ให้สัมภาษณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์ Dozhd ว่า เด็ก 6 คนที่ศาลอนุญาตการรับเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรมแล้วสามารถเดินทางไปอยู่กับพ่อแม่บุญธรรมในสหรัฐฯได้ ทว่าอีก 46 คนที่ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาคำร้อง จะต้องอาศัยอยู่ในรัสเซียต่อไป
กฎหมายซึ่งสร้างความเดือดดาลต่อกลุ่มเสรีนิยมและนักต่อสู้เพื่อสิทธิเด็กในรัสเซีย จะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม ปีหน้า
กฎกมายฉบับนี้ยังประกาศให้บางองค์กรที่รับเงินสนับสนุนจากสหรัฐฯเป็นองค์กรนอกกฎหมาย รวมถึงสั่งยกเลิกวีซ่าและอายัดทรัพย์สินชาวอเมริกันที่ถูกกล่าวหาว่าละเมิดสิทธิของชาวรัสเซียในต่างแดนด้วย
ในช่วงแรก ส.ส. ที่อยู่ฝ่ายเครมลินร่างกฎหมายฉบับนี้เพียงเพื่อตอบโต้กฎหมาย Magnitsky Act ของสหรัฐฯ ที่ห้ามมิให้ชาวรัสเซียที่พัวพันการเสียชีวิตในเรือนจำของ เซอร์เกย์ แม็กนิตสกี ทนายความผู้ต่อต้านการคอร์รัปชัน รวมถึงชาวรัสเซียที่ถูกกล่าวหาว่าละเมิดสิทธิมนุษยชน เดินทางเข้าประเทศ ส่วนการห้ามชาวอเมริกันรับเลี้ยงเด็กรัสเซียและคำสั่งแบนองค์กรไม่แสวงผลกำไรนั้นถูกเพิ่มเติมเข้ามาภายหลัง ซึ่งทำให้ความบาดหมางระหว่างวอชิงตันกับมอสโกรุนแรงขึ้น จากเดิมที่ขัดแย้งกันในเรื่องซีเรียอยู่แล้ว
“กฎหมายฉบับนี้จะทำให้ชื่อเสียงของเครมลินและตัวปูตินเองตกต่ำลง และเป็นสัญญาณบ่งชี้จุดเปลี่ยนความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับสหรัฐฯ” ลิเลีย เชฟตโซวา ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายของ ปูติน จากสถาบัน คาร์เนกี มอสโก ระบุ