เอเอฟพี - องค์การกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) อาจลดกำลังการผลิตลงในปีหน้า เพื่อป้องกันราคาน้ำมันโลกตกต่ำ หลังประเทศคู่แข่งอย่างสหรัฐฯสามารถผลิตน้ำมันได้มากขึ้น ประกอบกับอุปสงค์น้ำมันดิบของโอเปกก็ยังเติบโตได้ช้า นักวิเคราะห์ระบุ
ที่ประชุมโอเปกมีมติให้คงกำลังการผลิตน้ำมันอยู่ที่ไม่เกิน 30 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งน้อยกว่ายอดผลิตจริงของ โอเปก ประมาณ 1 ล้านบาร์เรล
รัฐมนตรีน้ำมันโอเปกซึ่งจัดการประชุมที่กรุงเวียนนา วานนี้(12) ยังมีมติแต่งตั้งให้ อับดุลเลาะห์ อัล-บาดรี ดำรงตำแหน่งเลขาธิการโอเปกต่อเนื่องไปอีก 1 ปี เนื่องจากไม่สามารถตกลงคัดเลือกบุคคลอื่นเข้ามาดำรงตำแหน่งแทนได้
โอเปก ออกแถลงการณ์สรุปว่า “ปัญหาท้าทายที่สุดสำหรับตลาดน้ำมันในปี 2013 คือความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะปัญหาหนี้สินยูโรโซน”
“เราคาดว่า อุปสงค์น้ำมันจะเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยในปี 2013 แต่คงเทียบไม่ได้กับอุปทานที่มีแนวโน้มสูงขึ้นในกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกโอเปก” ซึ่งหมายรวมถึงสหรัฐฯ ด้วย
คาริน นีสเซิล นักวิเคราะห์ตลาดพลังงานอิสระ ให้สัมภาษณ์หลังเสร็จสิ้นการประชุมโอเปกว่า สิ่งที่ โอเปก ให้ความสำคัญที่สุดคืออุปสงค์น้ำมันที่แน่นอน ซึ่งยังไม่มีใครบอกได้
โอเปก ซึ่งมีสมาชิก 14 ประเทศ รวมถึงซาอุดีอาระเบียซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก เผยคาดการณ์ว่า อุปสงค์น้ำมันดิบจากกลุ่มโอเปกอาจลดเหลือเพียง 29.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือน้อยกว่ากำลังการผลิตในปัจจุบันราว 1.5 ล้านบาร์เรล
ด้าน องค์การพลังงานระหว่างประเทศ (ไออีเอ) ซึ่งเป็นตัวแทนผู้บริโภค ระบุว่า ผลผลิตน้ำมันจากนอกกลุ่มโอเปกจะเพิ่มเป็น 54.2 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2013 หลังอัตราการเติบโตพุ่งสูงสุดตั้งแต่ปี 2010
จูเลียน เจสซอป นักวิเคราะห์จากสถาบันวิจัย แคปปิตอล อีโคโนมิกส์ ชี้ว่า ทางโอเปกเองก็เห็นด้วยว่า ปริมาณน้ำมันในตลาดจะเพียงพอต่ออุปสงค์ทั่วโลก และความต้องการน้ำมันดิบจากกลุ่มโอเปกจะลดลงแน่นอนในปีหน้า
“สหรัฐฯ, แคนาดา และเม็กซิโก มีกำลังการผลิตรวมกันมากกว่าที่ซาอุดีอาระเบีย, อิรัก และอิหร่านผลิตได้ด้วยซ้ำ” เจสซอป เผย
ราคาน้ำมันดิบอ้างอิงปรับตัวสูงขึ้นกว่า 108 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล วานนี้(12) หลัง โอเปก เผยยอดการผลิตที่ลดลงในเดือนพฤศจิกายน
โอเปก ยืนยันว่า ประเทศสมาชิก “พร้อมใช้มาตรการกระตุ้นที่จำเป็น เพื่อควบคุมราคาน้ำมันในตลาดให้มีความสมดุลสำหรับทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค”
ขณะที่นักวิเคราะห์ต่างเชื่อว่า โอเปก จะผลิตน้ำมันน้อยลงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่ชาติสมาชิกยังเกรงที่จะลดการผลิตลงมากจนเกินไป ซึ่งจะส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นจนเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจ
“สมาชิกโอเปกทุกชาติพอใจกับสมดุลตลาด และราคาน้ำมันในปัจจุบัน และเกรงว่าหากลดกำลังผลิตลงมากไปกว่านี้ จะทำให้ราคาน้ำมันปรับสูงขึ้น ซึ่งจะยิ่งเป็นผลเสียต่อการเติบโตของอุปสงค์น้ำมันในปี 2013” แอนเดรย์ ครียูเชนคอฟ นักวิเคราะห์จากสถาบันการเงิน วีทีบี แคปปิตอล ระบุ
อย่างไรก็ดี การที่มนุษย์หันไปสู่พลังงานทางเลือก เช่น หินน้ำมัน และ ก๊าซธรรมชาติ ย่อมจะส่งผลต่อราคาน้ำมันดิบในระยะยาว โดย ไออีเอ ทำนายว่า สหรัฐฯจะกลายเป็นผู้ผลิตน้ำมันอันดับ 1ของโลกภายในปี 2017 หลังจากมีการสกัดน้ำมันจากหินดินดานขึ้นมาใช้เพิ่มขึ้น
โมฮัมเหม็ด บิน ดาเอ็น อัล-ฮัมลี รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กล่าวยอมรับที่กรุงเวียนนาว่า สหรัฐฯอาจกลายมาเป็นคู่แข่งที่สำคัญของ โอเปก ในอนาคต
“เราจะทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของโอเปก” เขากล่าว