เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของซาอุดีอาระเบียทำสถิติสูงที่สุดในรอบมากกว่า 3 ทศวรรษในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ส่งผลให้ราชอาณาจักรกลางทะเลทรายแห่งนี้แซงหน้ารัสเซียขึ้นครองตำแหน่งประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดอย่างเป็นทางการ
รายงานข่าวซึ่งอ้างข้อมูลจากเว็บไซต์องค์กร Joint Organization Data Initiative (JODI) และตัวเลขที่ทางการซาอุดีอาระเบียยื่นต่อองค์กรของกลุ่มประเทศผู้ส่งน้ำมันเป็นสินค้าออก (โอเปก) ที่มีสมาชิก 12 ประเทศระบุว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันของซาอุดีอาระเบียในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ได้เพิ่มขึ้นเป็น 10.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือสูงขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 3 เปอร์เซ็นต์ และยังถือเป็นเดือนที่ซาอุดีอาระเบียมีการส่งออกน้ำมันมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ปี ค.ศ. 2005 เป็นต้นมา
ปริมาณน้ำมันดิบที่ซาอุดีอาระเบียผลิตออกสู่ตลาดโลกถึงวันละ 10.1 ล้านบาร์เรลดังกล่าวยังมีผลทำให้ซาอุดีอาระเบียซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของกลุ่มโอเปกได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ผลิตน้ำมันอันดับ 1 ของโลกรายใหม่ด้วยอีกตำแหน่งหนึ่ง แซงหน้าเจ้าของตำแหน่งเดิมอย่างรัสเซียที่ผลิตน้ำมันออกสู่ตลาดได้ 9.9 ล้านบาร์เรลต่อวันในช่วงเดียวกัน
ขณะเดียวกัน รายงานของ JODI ยังระบุว่า เวเนซุเอลาประเทศซึ่งได้ชื่อว่ามีปริมาณน้ำมันสำรองใต้พื้นดินมากที่สุดในโลกในขณะนี้มียอดการส่งออกน้ำมันเพิ่มขึ้นถึง 10.6 เปอร์เซ็นต์ มาอยู่ที่ระดับ 1.72 ล้านบาร์เรลในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ขณะที่ไนจีเรียมหาอำนาจด้านน้ำมันแห่งทวีปแอฟริกามียอดการส่งออกน้ำมันในเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคมถึง 18 เปอร์เซ็นต์ อยู่ที่ระดับ 2.49 ล้านบาร์เรลต่อวัน ถือเป็น 2 ชาติที่น่าจับตามองที่สุดในสิ้นสุดไตรมาสที่ 2 ของปีนี้
อย่างไรก็ดี ในส่วนของอิรักซึ่งเพิ่งขยับแซงหน้าอิหร่านขึ้นมาครองตำแหน่งผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับ 2 ของกลุ่มโอเปกรองจากซาอุดีอาระเบียได้เป็นครั้งแรกในรอบ 24 ปี กลับมีการส่งออกน้ำมันลดลง 2 เปอร์เซ็นต์ เหลือเพียง 2.4 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนมิถุนายน โดยสาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากเหตุการณ์ไม่สงบภายในประเทศ