ศูนย์ข่าวภาคใต้ - ดร.ณรงค์ โชควัฒนา ให้ข้อคิดเรื่องคุณธรรม แนะนำ “พลังรักแท้” จะทำให้ประเทศมีความสามัคคี และสามารถผลักดันมาปฏิรูปประเทศจากระบบการเมืองสามานย์ที่เป็นอยู่ พร้อมเปิดโปงเบื้องหลังนักการเมืองพากันปิดปากเงียบเรื่องพลังงานน้ำมันในประเทศไทย เพราะกระจายผลประโยชน์ทั่วถึง และทุ่มงบโฆษณาให้สื่อจนเม็ดเงินจุกอก
วันนี้ (29 ก.ค.) ณ ห้องทักษิณาลัย โรงแรมสยามธานี อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ดร.ณรงค์ โชควัฒนา ขึ้นบรรยายในเวที “หยุด! การเมืองเลว รวมพลังปฏิรูปประเทศไทย” ในประเด็นเรื่องพลังงาน และพลังแห่งความรักที่จะช่วยพลิกฟื้นปฏิรูปประเทศไทย
ดร.ณรงค์ โชควัฒนา กล่าวชื่นชมพันธมิตรฯ ที่ยอมละทิ้งผลประโยชน์ส่วนตัว เพื่อออกมาขับเคลื่อนปกป้องผลประโยชน์ของชาติ และปกป้องราชบัลลังก์ เช่นเดียวกับครั้งนี้ที่สละเวลามาร่วมฟังเสวนา ซึ่งล้วนเป็นเรื่องของทุกคนที่จะต้องช่วยกันคิด และแลกเปลี่ยนความรู้ให้เท่าทันที่นักการเมืองปกปิด เบียดบังไว้
โดยเฉพาะเรื่องพลังงาน ซึ่งคนไทยถูกรัฐบาลหลอกลวงมาโดยตลอด ทำให้ทุกวันนี้ ต้องใช้น้ำมันแพงเกินจริง ทั้งที่มีศักยภาพในการผลิต และส่งออกน้ำมันสูงเป็นอันดับที่ 33 ของโลก ไปยัง 14 ประเทศ รวมถึงสหรัฐอเมริกา ก็ซื้อน้ำมันของประเทศไทยด้วย ทั้งที่อยู่คนละซีกโลกกับเอเชีย ขณะเดียวกัน สามารถผลิตก๊าซธรรมชาติได้อันดับ 24 ของโลก ซึ่งหากไทยสมัครเป็นสมาชิกโอเปกนั้น ก็จะเป็นผู้ผลิตน้ำมันได้เป็นอันดับ 5 เลยทีเดียว ซึ่งมีมากกว่าประเทศในกลุ่มโอเปกอีก 8 ประเทศเสียอีก เพราะเรามีแหล่งน้ำมันทั้งในทะเล และบนบก ซึ่งกระจายอยู่ทุกภูมิภาค แต่จะมีใครรู้ว่าในภาคอีสานนั้นมีศักยภาพในการผลิตก๊าซธรรมชาติมากกว่าซาอุดีอาระเบียเสียอีก
รัฐบาลหลอกคนไทยมาตลอดว่า การที่ให้สัมปทานต่างชาติสำรวจและขุดเจาะนั้นทำให้ประเทศโชติช่วงชัชวาล แต่คนไทยไม่รู้เลยว่า ค่าภาคหลวงได้แค่ 8% ต่ำที่สุดในโลก แต่สามารถส่งออกทำเงินได้มากกว่าข้าว หรือยางพาราเสียอีก แต่ไม่เคยบอกคนไทย เพราะมีบางคนได้ผลประโยชน์จากความเสียเปรียบนี้
มีน้ำมันปิโตรเลียมเป็นของตัวเอง แต่ประชาชนซื้อน้ำมันลิตรละ 40 บาท ในขณะที่ประเทศมาเลเซียซื้อเพียง 18 บาทต่อลิตร ส่วนก๊าซ NGV เราซื้อ กก.ละ 8.50 บาท แต่สหรัฐอเมริกาจ่ายเพียง 2 บาทกว่าเท่านั้น เกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทยที่บอกว่ากำลังโชติช่วงชัชวาล ประชาชนซื้อทุกอย่างแพงทั้งหมด ล่าสุด เรียกประเทศทั่วโลกมาดูการให้สัมปทานครั้งใหม่ มีการปรนเปรอคณะรัฐมนตรีที่มาดูแลเรื่องพลังงาน และอัดงบโฆษณาจำนวนมหาศาลผ่านสื่อ แล้วจะไม่ให้เรื่องเหล่านี้เงียบอย่างไร
ดร.ณรงค์ ยังกล่าวถึงเรื่องคุณธรรม จริยธรรมอีกว่า สิ่งสำคัญที่เป็นพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ คือ ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี การเป็นคนดีต้องไม่เบียดเบียนคนอื่นทั้งต่อหน้าและลับหลัง ถ้าดีในระดับขึ้นอีกต้องมีความเมตตาให้แก่ผู้ที่ด้อยกว่า ซึ่งจะนำไปสู่ความกรุณาคิดที่จะเสียสละผลประโยชน์ตัวเองเพื่อช่วยเหลือด้วยความกล้าหาญ นั่นหมายถึง หากเราคิดจะทำดีแล้ว คุณธรรมข้ออื่นๆ ก็จะตามมาต่อเนื่อง
“ที่เรากำลังต่อสู้อยู่ ไม่เกี่ยวกันเลยว่าเราอิจฉาคุณยิ่งลักษณ์ หรือคุณทักษิณเลย มุทิตาจิต คือ ความยินดี เป็นบุญระดับสูง ส่วนอุเบกขา เป็นคุณธรรมระดับสูงขึ้นอีก มีคนเข้าใจผิดว่า เป็นการวางเฉยต่อทุกกรณี แท้จริงแล้ว คือว่า ไม่ลำเอียง เป็นธรรม ไม่เข้าข้างเพราะเป็นลูกของเรา เป็นต้น” ดร.ณรงค์ กล่าวต่อและว่า
ณ วันนี้ ถามว่าเราจะมีอำนาจอะไรในการปฏิรูปประเทศไทย อำนาจนั้นมาจากความเป็นเจ้าของ ไม่ใช่ลูกจ้าง แต่วันนี้ นักการเมืองซึ่งเป็นลูกจ้างของประชาชนกลับทำเหมือนเป็นเจ้าของอำนาจเสียเอง ทำอะไรไม่เห็นแก่ประชาชน
พลังที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศไทยมี 3 พลัง แต่ที่สำคัญที่สุด คือ พลังแห่งความรัก รักแท้ คือ รักเพื่อให้ ส่วนรักเทียม คือ รักเพื่อเอา รักแท้ดังเช่นที่ท่านมหาตมะ คานที ได้กระทำเพื่อส่วนรวม โดยไม่เคยเลือกรัก ไม่ว่าจะเป็นฮินดู มุสลิม แต่ท่านรักอินเดียหมดทุกศาสนา ไม่ได้รับเฉพาะวรรณะพราหมณ์ของท่าน
“สุดท้าย ขอฝากข้อคิดที่ให้ไป คือ เรื่องของความชั่ว และเรื่องพลังความรักเป็นพลังทางบวก มีความเข้มแข็ง และอานุภาพมากกว่าความเกลียด ถ้าคนไทยเต็มไปด้วยความเกลียดก็จะมีความแตกแยก” ดร.ณรงค์กล่าวทิ้งท้าย