เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์- ประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา ถูกจัดให้เป็นดินแดนที่ประสบความสูญเสียทางเศรษฐกิจมากที่สุดจากภัยธรรมชาติในปี 2011 ทั้งนี้ เป็นข้อมูลจากรายงานของสถาบันวิจัยชื่อดังของเยอรมนีที่มีการเผยแพร่ในเวทีประชุมด้านการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่กรุงโดฮา ของกาตาร์เมื่อวันอังคาร (27)
รายงานของสถาบันวิจัยด้านเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม “ Germanwatch ” ซึ่งมีฐานอยู่ที่กรุงเบอร์ลินและรับทุนสนับสนุนจากรัฐบาลเยอรมนี ระบุว่า ไทยและสหรัฐฯต้องประสบกับความสูญเสียทางเศรษฐกิจคิดเป็นมูลค่าราว 75,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 2.3 ล้านล้านบาท) จากผลของภัยธรรมชาติทั้งพายุ น้ำท่วม ดินถล่มและไฟป่า ในปี 2011 ถือเป็น 2 ประเทศที่เศรษฐกิจสูญเสียหนักที่สุดจากผลของการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก ตามมาด้วยสาธารณรัฐประชาชนจีน (เกือบ 13,000 ล้านดอลลาร์), ปากีสถาน (5,800 ล้านดอลลาร์) และบราซิล (4,700 ล้านดอลลาร์) ในอันดับที่ 3-5 ตามลำดับ
อย่างไรก็ดี หากพิจารณารวมกันทั้งในแง่ขนาดของเศรษฐกิจและจำนวนผู้เสียชีวิตจากภัยธรรมชาติจะพบว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดในโลกในปีที่ผ่านมา หลังพื้นที่ 65 จาก 77 จังหวัดของไทยต้องเผชิญกับเหตุน้ำท่วมครั้งเลวร้ายที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 900 ราย และอีกไม่ต่ำกว่า 13.6 ล้านคนได้รับผล กระทบ รวมถึงพื้นที่ทำการเกษตรอีกมากกว่า 20,000 ตารางกิโลเมตรได้รับความเสียหาย รองลงมา คือ ประเทศกัมพูชา ปากีสถาน เอลซัลวาดอร์ ฟิลิปปินส์ บราซิลและสหรัฐฯ ตามลำดับ
ด้านสเวน ฮาร์เมลิง หัวหน้าทีมวิจัยและผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายเกี่ยวกับสภาพอากาศระหว่างประเทศ ของสถาบัน “ Germanwatch ” ระบุว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยเมื่อปีที่แล้วอาจนำไปสู่การรับรู้ตื่นตัวที่เพิ่มมากขึ้นในสังคมไทยเกี่ยวกับความรุนแรงของภัยธรรมชาติ ที่เป็นผลสืบเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พร้อมชี้ว่า ไทยเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศ ที่ยังคงไม่ตอบรับต่อพันธะกรณีระหว่างประเทศในเรื่องการจำกัดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ทั้งนี้ ข้อมูลของสถาบันวิจัยดังกล่าวยังระบุว่า ตลอดระยะเวลากว่า 2 ทศวรรษที่ผ่านมา มีประชากรโลกต้องเสียชีวิตไปแล้วมากกว่า 530,000 คน จากเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศรุนแรงสุดขั้วที่เกิดขึ้นเกือบ 15,000 ครั้งทั่วโลก คิดเป็นความเสียหายไม่ต่ำกว่า 2.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ( ราว 76.7 ล้านล้านบาท)
