เอเอฟพี - รัฐนิวยอร์กต้องใช้งบประมาณไม่ต่ำกว่า 42,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 1.28 ล้านล้านบาท) เพื่อฟื้นฟูความเสียหายจากอิทธิพลของเฮอริเคน “แซนดี” ที่ซัดถล่มชายฝั่งตะวันออกสหรัฐฯเมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก แอนดรูว์ คัวโม แถลงวานนี้(26) พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลกลางตั้งกองทุนช่วยเหลือ
คัวโม ชี้ว่า อิทธิพลของแซนดีนั้นถือว่ารุนแรงยิ่งกว่าเฮอริเคนแคทรีนา ซึ่งพัดถล่มชายฝั่งอ่าวเม็กซิโกจนราบเป็นหน้ากลองเมื่อปี 2005
แม้ยอดผู้เสียชีวิต 110 รายจากอิทธิพลของเฮฮริเคนแซนดี จะยังห่างไกลกับตัวเลขผู้เสียชีวิต 1,833 รายของพายุแคทรีนาเมื่อ 7 ปีก่อน ทว่าความเสียหายที่เกิดต่อทรัพย์สินและภาคธุรกิจกลับรุนแรงกว่ากันหลายเท่า
คัวโม ประเมินว่า มูลค่าความเสียหายในรัฐนิวยอร์กและนิวเจอร์ซีย์รวมกันอาจสูงถึง 62,000 ล้านดอลลาร์ และจะมากกว่านั้น หากนับรวมงบเพิ่มเติมสำหรับป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดในอนาคตด้วย
เฉพาะในรัฐนิวยอร์ก ค่าใช้จ่ายเพื่อฟื้นฟูความเสียหายอยู่ที่ประมาณ 32,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และยังต้องใช้งบประมาณเพื่อป้องกันความเสี่ยงอีก 9,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่ง คัวโม ระบุว่ารัฐนิวยอร์กคงไม่สามารถรับภาระค่าใช้จ่ายเหล่านี้ได้ทั้งหมด และขอให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณช่วยเหลือด้วย
ข้อเรียกร้องของ คัวโม นับเป็นอีกปัญหาท้าทายสำหรับวอชิงตัน ในขณะที่ประธานาธิบดี บารัค โอบามา และบรรดาผู้นำคองเกรสยังไม่สามารถตกลงเรื่องแผนตัดงบประมาณและขึ้นภาษีเพื่อหลีกเลี่ยง “หน้าผาการคลัง” (fiscal cliff) ได้
ก่อนหน้านี้ นายกเทศมนตรี ไมเคิล บลูมเบิร์ก แห่งนครนิวยอร์ก เปิดเผยว่า เมืองใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯต้องสูญงบประมาณถึง 19,000 ล้านดอลลาร์ ในการฟื้นฟูความเสียหายที่เกิดจากอิทธิพลของเฮอริเคนแซนดี
แซนดี ซึ่งพัดถล่มนิวยอร์กเมื่อวันที่ 29ตุลาคม ทำให้ระบบรถไฟใต้ดินถูกน้ำท่วม บ้านเรือนในนิวยอร์กเสียหายนับหมื่นหลัง ไฟฟ้าดับติดต่อกันหลายวัน จนเกิดวิกฤตขาดแคลนเชื้อเพลิงอย่างรุนแรง
อนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ (Statue of Liberty) ซึ่งเพิ่งเปิดให้สาธารณชนเข้าชมหลังปิดปรับปรุงไป 1 ปี ก็ได้รับความเสียหายจากพายุ จนต้องปิดตัวอีกครั้งไปจนถึงสิ้นปี 2012 เป็นอย่างน้อย