เอเจนซีส์ - บรรดารัฐมนตรีคลังของยูโรโซนเห็นพ้องนัดพบอีกครั้งวันที่ 20 นี้ เพื่อสะสางปัญหาและอัดฉีดเงินช่วยเหลือกรีซรอบใหม่ แม้เอเธนซ์โอดว่าอาจล้มละลายถ้าไม่ได้เงินภายในปลายสัปดาห์นี้ นอกจากนั้น ข้อเสนอขยายเวลาลดยอดขาดดุลออกไปอีก 2 ปียังทำให้ยุโรปขัดใจกับไอเอ็มเอฟ
ที่ประชุมรัฐมนตรีคลังของชาติที่ใช้สกุลเงินยูโร (ที่ประชุมนี้มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า “ยูโรกรุ๊ป”) แถลงภายหลังการหารือครั้งล่าสุดเมื่อวันจันทร์ (12) ว่ายังมีภาระที่ต้องดำเนินการอีกมากก่อนตกลงรายละเอียดขั้นสุดท้ายเพื่ออนุมัติเงินช่วยเหลืองวดใหม่รวมเป็นเงิน 31,000 ล้านยูโร (39,000 ล้านดอลลาร์) ให้แก่กรีซ โดย ฌอง-โคลด จุงเกอร์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีคลังของลักเซมเบิร์ก ซึ่งมีฐานะเป็นประธานยูโรกรุ๊ป ยืนยันว่าจะดำเนินการสุดความสามารถเพื่อให้มีการตัดสินในเรื่องนี้ภายในวันที่ 20 ที่จะถึงนี้
ทว่า นายกรัฐมนตรีแอนโทนิส ซามารัส ของกรีซแย้งว่า กรีซอาจล้มละลายภายในวันศุกร์นี้ (16) หากไม่ได้รับเงินช่วยเหลือ
กระนั้น จุงเกอร์เชื่อว่าเอเธนส์จะไม่มีปัญหาในการไถ่ถอนพันธบัตรจำนวนมากที่ถึงกำหนดในวันดังกล่าว ขณะที่ออลลี เรห์น กรรมาธิการกิจการเศรษฐกิจแห่งยุโรป ขานรับว่า เรื่องนี้มีทางออกเนื่องจากแบงก์กรีซสามารถมีส่วนร่วมกับรัฐบาลในการขายพันธบัตรคลังในวันศุกร์ และนำเงินไปชำระหนี้ที่ถึงกำหนด
ที่ประชุมยังระบุว่า เอเธนส์มีความคืบหน้าในการลดหนี้และยอดขาดดุลงบประมาณ พร้อมกันนั้นก็โน้มน้าวเอเธนส์ว่า การสานต่อการปฏิรูปการเงินและการคลังจะช่วยให้เศรษฐกิจกรีซกลับสู่เส้นทางการเติบโตอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ ในสัปดาห์ที่แล้ว รัฐสภากรีซได้ผ่านกฎหมายมาตรการรัดเข็มขัดฉบับใหม่มูลค่า 13,500 ล้านยูโรตามที่ 3 เจ้าหนี้รายหลักของกรีซที่เรียกกันว่า “ทรอยกา” ซึ่งประกอบด้วยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) และสหภาพยุโรป (อียู) เรียกร้อง นอกจากนั้น รัฐสภายังผ่านร่างงบประมาณปี 2013 ที่ประกอบด้วยมาตรการหลายอย่างที่เป็นที่ชื่นชมของจุงเกอร์ และคริสติน ลาการ์ด กรรมการผู้จัดการไอเอ็มเอฟ
ดังนั้น ที่ประชุมยูโรกรุ๊ปจึงเห็นพ้องขยายเป้าหมายทางการคลังตามที่เอเธนส์ร้องขอ คือ มาตรการช่วยเหลือปัจจุบันที่จะมีผลจนถึงปี 2014 นั้นจะถูกเลื่อนออกไปเป็นปี 2016
อย่างไรก็ดี ในร่างรายงานของทรอยกาที่ออกมาเช้าวันจันทร์ระบุว่า กรีซจะต้องการเงินอัดฉีดตลอดระยะเวลา 2 ปีเกือบ 33,000 ล้านยูโรเนื่องจากเศรษฐกิจตกต่ำเกินคาด
ยูโรกรุ๊ปยังเห็นควรให้กรีซลดหนี้ที่ขณะนี้มีมูลค่าถึงเกือบ 190% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) มาอยู่ที่ 120% หรือคิดเป็น 2 เท่าของข้อกำหนดสหภาพยุโรป (อียู) ภายในปี 2022
ประเด็นนี้ทำให้เกิดการโต้เถียงระหว่างจุงเกอร์กับลาการ์ด โดยฝ่ายหลังเชื่อว่า เส้นตายควรอยู่ที่ปี 2020 เช่นเดิม
ไอเอ็มเอฟยังมีความเห็นขัดแย้งกับยูโรกรุ๊ปรุนแรง เนื่องจากมองว่ารัฐบาลในยูโรโซนจำเป็นต้องลดหนี้ให้กรีซ ขณะที่เยอรมนีผู้สนับสนุนรายใหญ่สุดในเขตเงินสกุลเดียวของยุโรปยืนกรานว่า การกระทำดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย
