เจ้าหนี้ล้มเหลว-กรีซเก้อรอเงินกู้เตือนคุกคามเสถียรภาพยูโรโซน

เอเจนซีส์ - การประชุมฉุกเฉินวันพุธ(21) ของเจ้าหนี้รายหลักทั้ง 3 อันได้แก่ สหภาพยุโรป(อียู) , กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ), และธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ประสบความล้มเหลว ไม่สามารถตกลงกันในการอนุมัติเงินกู้เพื่อช่วยไม่ให้กรีซล้มละลายงวดต่อไป และถึงแม้ที่ประชุมขอเลื่อนไปหารืออีกครั้งต้นสัปดาห์หน้า โดยแสดงท่าทีว่าน่าจะโอเคกันได้ไม่ยาก แต่ผู้นำเอเธนส์ก็เร่งรัดเตือนว่า หากปราศจากข้อตกลง จะเป็นการคุกคามเสถียรภาพของยูโรโซนโดยรวมด้วย

เหล่ารัฐมนตรีคลังของเขตยูโรโซน ซึ่งเรียกขานกันว่า “ยูโรกรุ๊ป” ระบุในคำแถลงของพวกเขาหลังสิ้นสุดการหารือที่ยืดเยื้อเกือบ 12 ชั่วโมง จนกระทั่งถึงช่วงเช้าวันพุธ โดยบอกว่าที่ประชุมในบรัสเซลส์คราวนี้ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ จึงต้องนัดพบกันอีกครั้งในวันจันทร์หน้า (26) "เพื่อหารือในเชิงเทคนิคเกี่ยวกับบางประเด็นในแพคเกจความช่วยเหลือ”

ตรงข้ามกับบรรยากาศในวันอังคาร (20) ที่พวกขุนคลังของยูโรโซน ซึ่งเป็นแกนหลักของอียูในเรื่องนี้ แสดงความเชื่อมั่นว่า ที่ประชุมจะสามารถตกลงกันอนุมัติเงินช่วยเหลืองวดนี้ที่มีมูลค่ารวม 31,200 ล้านยูโร (40,000 ล้านดอลลาร์) ให้แก่เอเธนส์ รวมทั้งสามารถสะสางข้อขัดแย้งที่ยูโรกรุ๊ปมีอยู่กับไอเอ็มเอฟ เกี่ยวกับวิธีการทำให้เศรษฐกิจที่มีหนี้สินรุงรังของกรีซกลับสู่ภาวะปกติ

สำหรับ กริสติน ลาการ์ด กรรมการผู้จัดการไอเอ็มเอฟ กล่าวว่า การหารือมีความคืบหน้า แต่ยังมีบางเรื่องที่ต้องพูดคุยกันต่อ

ทั้งนี้ ประเด็นขัดแย้งที่สำคัญก็คือ เรื่องการต่อเวลาให้กรีซอีก 2 ปี นั่นคือจนกระทั่งถึงปี 2022 เพื่อทำการลดหนี้ของตนให้อยู่ในระดับที่ตกลงกันไว้ สืบเนื่องจากเศรษฐกิจกรีซย่ำแย่สาหัสโดยเผชิญภาวะถดถอยเป็นปีที่ 6

ฌอง-โคลด จุงเกอร์ ประธานยูโรกรุ๊ป สนับสนุนการต่อเวลาดังกล่าว ขณะที่ลาการ์ดคัดค้านอย่างเปิดเผย

ไอเอ็มเอฟ ยืนยันว่า ระดับหนี้ที่ยั่งยืนของเอเธนส์ในระยะยาวคือ ลดให้เหลือ 120% ของมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ภายในปี 2020 แต่หากผิดไปจากเป้าหมายนี้ ไอเอ็มเอฟอาจถอนตัวจากความพยายามในการฟื้นเสถียรภาพกรีซ ซึ่งถ้าหากไอเอ็มเอฟทำเช่นนี้จริงๆ ก็จะส่งผลรุนแรงต่อตลาดการเงินโลก

ทั้งนี้ไอเอ็มเอฟมองว่า เป้าหมายดังกล่าวเป็นจริงได้ ถ้าหากสมาชิกยูโรโซนยอมยกหนี้บางส่วนให้เอเธนส์

ปัจจุบัน หนี้ของกรีซอยู่ที่เกือบ 180% ของจีดีพี และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 190% ในปี 2014 หรือราว 3 เท่าของเพดานที่อียูตั้งไว้ที่ไม่เกิน 60%

ขณะที่จุงเกอร์ต้องการขยายเวลาการลดหนี้กรีซไปจนถึงปี 2022 ก็เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้สมาชิกยูโรโซนต้องยอมยกหนี้บางส่วนให้กรีซ โดยที่หลายประเทศยูโรโซน รวมถึงเยอรมนี ที่เป็นนายทุนใหญ่ของกลุ่ม ต่างบอกว่าการยกหนี้บางส่วนนั้นเป็นไปไม่ได้ทั้งในแง่การเมืองและแง่กฎหมาย

จุงเกอร์กล่าวภายหลังการประชุมคราวนี้ว่า ผิดหวังเล็กน้อย แต่ยังเชื่อว่า จะสามารถบรรลุข้อตกลงได้ต้นสัปดาห์หน้า พร้อมยืนยันว่า ประทับใจกับความคืบหน้าในการปฏิรูปของเอเธนส์

ด้านแอนโทนิส ซามาราส นายกรัฐมนตรีกรีซ แถลงในวันพุธว่า พันธมิตรของกรีซและไอเอ็มเอฟมีหน้าที่ที่ต้องทำ และความสำเร็จในการหาข้อสรุปในอีกไม่กี่วันข้างหน้า จะส่งผลต่อเสถียรภาพของยูโรโซนทั้งหมด

กรีซรอรับเงินกู้งวดใหม่ 31,200 ล้านยูโรนี้มาตั้งแต่เดือนมิถุนายน เงินงวดนี้เป็นส่วนหนึ่งของแพคเกจความช่วยเหลือทางการเงินมูลค่า 130,000 ล้านยูโร ที่พวกเจ้าหนี้ตกลงในหลักการที่จะให้แก่กรีซเมื่อต้นปีที่ผ่านมา