เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์- หนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ชื่อดังของเดนมาร์ก “เอ็กสตรา บลาเด็ต” ระบุ เกาะกรีนแลนด์ซึ่งเป็นดินแดนปกครองตนเองภายใต้รัฐธรรมนูญของเดนมาร์ก กำลังเผชิญปัญหาการไหลทะลักของแรงงานชาวไทยและฟิลิปปินส์ ขณะที่ผู้ประกอบการในท้องถิ่นเริ่มกังวล แรงงานจากเอเชียอาจได้รับอันตราย จากพวกชาตินิยมในพื้นที่ ซึ่งมองว่า แรงงานไทย-ฟิลิปปินส์ เข้ามา “แย่งงานทำ”
แท็บลอยด์เก่าแก่ของเดนมาร์กซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1904และมีฐานอยู่ที่กรุงโคเปนเฮเกน รายงานว่า ปัญหาการเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วของแรงงานชาวไทยและฟิลิปปินส์ โดยเฉพาะในธุรกิจรับทำความสะอาด ร้านอาหาร และภาคบริการ กำลังกลายเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมกรีนแลนด์ ซึ่งถึงแม้จะได้ชื่อว่าเป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลก แต่ก็มีประชากรจากการสำรวจล่าสุดไม่ถึง 57,000 คนเท่านั้น
ข้อมูลของสื่อดังแดนโคนมระบุว่า นับตั้งแต่เดือนมกราคมปีที่แล้วเป็นต้นมา มีแรงงานชาวฟิลิปปินส์จำนวน 81 คน และแรงงานชาวไทยอีก 39 คนได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำงานในกรีนแลนด์ โดยการเข้ามาของแรงงานต่างชาติจากทั้งสองประเทศดังกล่าว ถึงแม้เพิ่งจะมีจำนวนรวมกันเพียงแค่ “หลักร้อย”เท่านั้น แต่ก็ได้สร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มเคลื่อนไหวของพวกฝ่ายขวา และขบวนการชาตินิยมในกรีนแลนด์ที่มองว่า แรงงานชาวไทยและฟิลิปปินส์กลุ่มนี้ เข้ามาแย่งงานของประชากรบนเกาะที่ยังคงมีอัตราว่างงานสูงถึงร้อยละ 8 และถือเป็นหนึ่งในดินแดนที่มีอัตราการว่างงานสูงที่สุด เมื่อเทียบกับหลายประเทศแถบตอนเหนือของยุโรป
รายงานข่าวระบุว่า โรงแรมหรูระดับ 4 ดาวอย่าง “ฮันส์ เอเกเด” ในกรุงนุก เมืองหลวงของกรีนแลนด์ขณะนี้ได้ว่าจ้างแรงงานจากเอเชีย โดยเฉพาะคนไทยและฟิลิปปินส์เข้าทำงานในสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 60 ในแผนกแม่บ้าน ขณะที่ธุรกิจท้องถิ่นอีกหลายแห่งก็มีแนวโน้มเปิดรับแรงงานจากเอเชียมากขึ้นเช่นกัน
“จำนวนแรงงานไทยและฟิลิปปินส์กำลังถูกหลายฝ่ายในกรีนแลนด์จับตาอย่างใกล้ชิด เนื่องจากอัตราการว่างงานที่ยังพุ่งสูงในหมู่ชาวกรีนแลนด์ที่เป็นเจ้าของประเทศตัวจริง” เจสซี จี.เบอร์เธลเซน ประธานสหภาพแรงงาน “เอสไอเค” แห่งกรีนแลนด์กล่าว
เบอร์เธลเซนยังเผยว่า สาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้แรงงานไทยและฟิลิปปินส์ เริ่มหลั่งไหลมายังกรีนแลนด์มากขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะนายจ้างชาวกรีนแลนด์พอใจกับการจ้างแรงงานจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กลุ่มนี้เพราะมีค่าแรงที่ต่ำกว่าแรงงานชาวกรีนแลนด์มาก แต่ค่าตอบแทนดังกล่าวถึงแม้จะน้อยนิดตามมาตรฐานแรงงานของกรีนแลนด์ แต่ก็ถือเป็นรายได้ที่น่าดึงดูดใจสำหรับแรงงานไทยและฟิลิปปินส์ อีกทั้งแรงงานชาวไทยและฟิลิปปินส์ยังยินดีที่จะทำงาน 6 วันต่อสัปดาห์ หรือทำงานทุกวันในสัปดาห์ ซึ่งเป็นข้อแตกต่างจากแรงงานกรีนแลนด์ทั่วไป
ด้านคาร์ล ยูห์ล หนึ่งในเจ้าของร่วมของโรงแรม “ฮันส์ เอเกเด” ออกมาแสดงความเป็นห่วงว่า การออกมาเคลื่อนไหวของพวกฝ่ายขวาและขบวนการชาตินิยมต่างๆในกรีนแลนด์ อาจทำให้บรรดาแรงงานไทยและฟิลิปปินส์ตกเป็นเหยื่อของการถูกทำร้ายหรือตกเป็นเป้าสังหาร รวมถึงอาจถูกข่มขู่คุกคามในรูปแบบต่างๆ
ขณะที่ยอร์เกน พีเดอร์เซน เจ้าของร้านอาหารและบาร์ 8 แห่งบนเกาะกรีนแลนด์ ซึ่งจ้างพนักงาน 110 ชีวิต (ราว 1 ใน 4 เป็นแรงงานไทยและฟิลิปปินส์) ออกโรงเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เปิดใจยอมรับความเป็นจริงที่ว่า แรงงานท้องถิ่นชาวกรีนแลนด์เองต่างหากที่เป็นฝ่ายเลือกงาน มิใช่ความผิดของแรงงานเอเชียที่เข้ามา “ขโมย” ตำแหน่งงานไปจากชาวกรีนแลนด์
“ผมยืนยันว่าจำเป็นต้องจ้างแรงงานชาวเอเชียเข้าทำงานในธุรกิจของผม ผมตระหนักดีถึงความสำคัญของการจ้างชาวกรีนแลนด์ที่เป็นเจ้าของประเทศเข้าทำงานเสมอ แต่ในช่วงที่ผ่านมาผมกลับไม่สามารถหาแรงงานชาวกรีนแลนด์ที่เหมาะสมเข้าทำงานได้ เพราะพวกเขาเลือกงาน และยังต้องการค่าตอบแทนที่สูง เกินกว่านายจ้างจะรับไหว” พีเดอร์เซนกล่าว
ขณะเดียวกัน องค์กรธุรกิจหลายแห่งเริ่มมีความกังวลมากขึ้น ถึงกระแสต่อต้านแรงงานไทยและฟิลิปปินส์จากพวกชาตินิยมในกรีนแลนด์ ทำให้หลายองค์กรต้องยอมทุ่มเงินไปกับการพัฒนาฝีมือแรงงานในท้องถิ่นเพื่อให้มีทักษะการทำงานที่สอดคล้องกับธุรกิจของพวกเขา แทนการจ้างแรงงานเอเชีย แม้ทางบริษัทจะต้องสิ้นเปลืองต้นทุนและเวลามากขึ้นในด้านบุคลากรก็ตาม ท่ามกลางกระแสข่าวที่ว่า นอกจากแรงงานไทยกับฟิลิปปินส์แล้ว แรงงานชาวจีน กำลังจะกลายเป็นแรงงานกลุ่มใหม่จากเอเชียที่ไหลทะลักเข้ามาในกรีนแลนด์มากขึ้น โดยเฉพาะหากมีการออกกฎหมายรับรองการนำเข้าแรงงานสำหรับธุรกิจเหมืองแร่ขนาดใหญ่ และธุรกิจหลอมอลูมิเนียมในเร็วๆนี้