เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - สิงคโปร์ครองแชมป์ดินแดนที่เอื้ออำนวยต่อการทำธุรกิจมากที่สุดในโลกเป็นครั้งที่ 7 ติดต่อกัน ทั้งนี้เป็นข้อมูลจากรายงานประจำปีของธนาคารโลกว่าด้วย ศักยภาพการแข่งขันทางธุรกิจของ 185 ประเทศทั่วโลก ที่มีการเผยแพร่ในวันอังคาร (23) ส่วนไทยถูกระบุเป็นดินแดนที่มีสภาพเอื้ออำนวยต่อการลงทุนเป็นลำดับที่ 18 ของโลก และอันดับ 6 ของเอเชีย โดยข้อมูลชี้ชัดไทยได้อันดับที่ดีกว่าทั้งเยอรมนี ญี่ปุ่น และจีน
รายงานประจำปีที่ชื่อว่า “Doing Business 2013” ของเวิลด์แบงก์ ซึ่งมีฐานอยู่ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.ของสหรัฐฯ ระบุว่า สิงคโปร์เมืองท่าขนาดเล็กในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สามารถครองแชมป์ดินแดนที่เอื้ออำนวยต่อการลงทุนมากที่สุดของโลกได้เป็นครั้งที่ 7 ติดต่อกันแล้ว โดยถือเป็นดินแดนที่มีกฎหมายและกฏระเบียบด้านการลงทุนที่ “เป็นมิตร” ต่อการทำธุรกิจสูงที่สุด อีกทั้งยังมีมาตรการด้านภาษีและการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาที่ดีเยี่ยม รวมถึงรัฐบาลสิงคโปร์ยังทำหน้าที่ของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพในการอำนวยความสะดวกต่อการค้าขายข้ามพรมแดน
รายงานของธนาคารโลกระบุว่า ดินแดนที่เอื้ออำนวยต่อการทำธุรกิจในอันดับที่ 2-10 ของจากการสำรวจครั้งล่าสุดประกอบด้วย เขตปกครองพิเศษฮ่องกง นิวซีแลนด์ สหรัฐอเมริกา เดนมาร์ก นอร์เวย์ สหราชอาณาจักร เกาหลีใต้ จอร์เจีย และออสเตรเลีย ตามลำดับ
ขณะที่ประเทศไทยถูกระบุว่าเป็นดินแดนที่มีปัจจัยเอื้ออำนวยต่อการลงทุนมากเป็นอันดับที่ 18 ของโลกตามหลังแคนาดาในอันดับที่ 17 และถือเป็นดินแดนที่เอื้อต่อการลงทุนเป็นอันดับที่ 6 ของทวีปเอเชียรองจากสิงคโปร์ ฮ่องกง เกาหลีใต้ มาเลเซีย และไต้หวัน
อย่างไรก็ดี เป็นที่น่าสังเกตว่า ธนาคารโลกได้ประเมินศักยภาพของประเทศไทยไว้สูงกว่าประเทศยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจหลายประเทศ เช่น เยอรมนีประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในยุโรปที่ได้อันดับ 20 ของโลก,ญี่ปุ่นที่ได้อันดับ 24, ฝรั่งเศสที่ได้อันดับ 34 รวมถึงสาธารณรัฐประชาชนจีนที่ได้อันดับ 91 ของโลก
ส่วนราชอาณาจักรภูฏาน ซึ่งเคยถูกนิตยสาร “Business Week” ยกให้เป็นดินแดนที่ประชาชนมีความสุขที่สุดในเอเชีย และมีความสุขเป็นอันดับที่ 8 ของโลกนั้น ผลสำรวจของเวิลด์แบงก์ระบุว่า ภูฏานมีความเอื้ออำนวยต่อการแข่งขันทางธุรกิจอยู่ในอันดับที่ 148 ของโลก ซึ่งเป็นอันดับที่ไม่ดีนัก โดยสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการที่ผู้คนในภูฏาน รวมถึงรัฐบาลยังไม่ได้ให้ความสำคัญกับการแข่งขันทางธุรกิจตามกระแสทุนนิยมมากนัก ประกอบกับภูฏานยอมเปิดสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศต่างๆ เพียง 21 แห่งทั่วโลก (หนึ่งในนั้นคือประเทศไทย) จึงทำให้นักลงทุนต่างชาติยังไม่รู้จักภูฏานมากนัก
ขณะที่อันดับสุดท้าย (อันดับที่ 185) ซึ่งถูกเวิลด์แบงก์ระบุว่าเป็นดินแดนที่เอื้อต่อการทำธุรกิจน้อยที่สุดของโลกจากการสำรวจคราวนี้ ได้แก่ สาธารณรัฐแอฟริกากลาง รองลงมา คือ ชาด สาธารณรัฐคองโก เอริเทรีย สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก (ดีอาร์ คองโก) และเวเนซุเอลา ตามลำดับ
ด้านประเทศสมาชิกยูโรโซนที่มีหนี้สินล้นพ้นตัวและสุ่มเสี่ยงต่อการล้มละลายอย่างกรีซ ถูกจัดให้มีความเอื้ออำนวยต่อการทำธุรกิจอยู่ในอันดับที่ 78 ของโลก เนื่องจากยังคงมีโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง แม้จะประสบมรสุมทางเศรษฐกิจต่อเนื่องกันมาหลายปี
