เอเอฟพี - ราคาข้าวโพด และถั่วเหลืองในตลาดสหรัฐฯ พุ่งสูงสุดทำสถิติในวันอังคาร (21) ขณะที่ผลสำรวจชิ้นใหม่แสดงให้เห็นว่าความเสียหายของผลผลิตทางการเกษตรซึ่งร้ายแรงกว่าคาดการณ์นั้นมาจากภัยแล้ง ที่เกิดขึ้นทั่วพื้นที่อู่ข้าวอู่น้ำของประเทศ
ราคาข้าวโพดปิดที่ 8.3875 ดอลลาร์ต่อบุชเชิล ขณะที่ราคาถั่วเหลืองอยู่ที่ 17.3025 ดอลลาร์ต่อบุชเชิล โดยสูงขึ้นจากวันอังคาร 1.7% และ 2.8% ตามลำดับ และเมื่อเทียบกับราคาในเดือนมิถุนายนแล้ว ราคาผลผลิตทั้งคู่สูงขึ้นถึง 68% และ 39% ทีเดียว
อุณหภูมิที่สูงเป็นประวัติการณ์ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา บวกกับภาวะแห้งแล้งอย่างรุนแรงเป็นเวลานานเกือบ 3 เดือน ทำให้พื้นที่การเกษตรสำคัญในภาคมิดเวสต์ และรัฐต่างๆ ตอนกลางของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นสถานที่ปลูกข้าวโพด และถั่วเหลืองที่ใหญ่ที่สุดในโลก ต้องเหี่ยวเฉาไป
ราคาดังกล่าวพุ่งขึ้นหลังรายงานประจำปีของโปร ฟาร์เมอร์ มิดเวสต์ ทัวร์ ซึ่งแจ้งข่าวร้ายเกี่ยวกับผลผลิตทางการเกษตรของประเทศเพิ่มเติมให้กับบรรดานักวิเคราะห์ และผู้ค้า
"การเก็บเกี่ยวในพื้นที่ทางตะวันตกของรัฐโอไฮโอ และตะวันออกของอินดิแอนา ต่ำกว่าปกติมาก" ไบรอัน เกรต นักวิเคราะห์ของโปรฟาร์เมอร์กล่าว ขณะที่ผลผลิตในเซาท์ดาโกตาเรียกได้ว่า "ต่ำจนน่าประหลาดใจ"
ทั้งนี้ การประเมินของโปรฟาร์เมอร์นั้นต่ำกว่าที่กระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ คาดการณ์เอาไว้ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งระบุว่าผลผลิตจะตกต่ำที่สุดในรอบ 6 ปี อย่างมาก
กระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ คาดว่า ข้าวโพดราว 50% มีคุณภาพต่ำ ถึงต่ำมาก เมื่อเทียบกับในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว เพียง 15% ส่วนถั่วเหลืองที่มีคุณภาพไม่ดี ถึงเลวร้ายนั้น มีถึง 39% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าที่ 13%
ภัยแล้งดังกล่าวยังส่งผลกระทบต่ออาหารของปศุสัตว์ เช่น หญ้าแห้ง ทำให้ชาวไร่ต้องจำใจลดจำนวนฝูงสัตว์ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าอาจส่งผลให้ราคาเนื้อสัตว์สูงขึ้นต่อไปได้อีก