รอยเตอร์/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-อุทยานแห่งชาติโยเซมิตีของสหรัฐฯ ประกาศเมื่อวันพฤหัสบดี (6) ขยายพื้นที่เตือนภัยการระบาดของโรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจชนิดรุนแรงจากฮันตาไวรัส (เอชพีเอส)เพิ่มเติม หลังมีการยืนยันว่า พบนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาพักผ่อนในอุทยานฯเสียชีวิตจากเชื้อมรณะดังกล่าวเพิ่มเป็นรายที่ 3 แล้ว โดยพื้นที่เสี่ยงที่ถูกประกาศเพิ่มเติมในครั้งนี้ รวมถึง จุดพักแรมชื่อดัง “ไฮ เซียร์รา” ถือเป็นการเพิ่มความเข้มข้นในการรับมือเชื้อไวรัสชนิดนี้ของทางอุทยานฯ ถัดจากการสั่งปิด “ซิกเนเจอร์ เต็นท์ เคบินส์” บ้านพักกลางป่ายอดนิยม
สกอตต์ เจดิแมน โฆษกอุทยานแห่งชาติโยเซมิตีระบุว่า ผู้เสียชีวิตรายล่าสุดเป็นนักท่องเที่ยวจากมลรัฐเวสต์ เวอร์จิเนีย ที่ติดเชื้อฮันตาไวรัสระหว่างเดินทางมาพักในอุทยานเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และได้เสียชีวิตไปตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกรกฎาคม โดยผลการตรวจในห้องปฏิบัติการที่เผยแพร่ออกมาเมื่อวันพฤหัสบดี (6) ยืนยันว่า สาเหตุการเสียชีวิตมาจากไวรัสดังกล่าวจริง
ความเคลื่อนไหวล่าสุดของทางอุทยานแห่งชาติโยเซมิตี ซึ่งตั้งอยู่ในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย มีขึ้นหลังนักท่องเที่ยวรายที่ 3 ได้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสร้ายแรงชนิดดังกล่าวที่มีสัตว์ฟันแทะ เช่น หนู เป็นพาหะ ขณะเดียวกัน จำนวนผู้ที่ล้มป่วยจากการติดเชื้อฮันตาไวรัสล่าสุดได้เพิ่มเป็นอย่างน้อย 8 รายแล้ว ขณะที่จำนวนกลุ่มเสี่ยงที่อาจติดเชื้อได้เพิ่มเป็นกว่า 12,000 รายแล้ว
ก่อนหน้านี้ ทางศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ หรือซีดีซีซึ่งมีฐานอยู่ในมลรัฐจอร์เจีย ได้ออกคำเตือนนักท่องเที่ยวร่วม 10,000 คนที่เดินทางเยือนโยเซมิตีในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย ในระหว่างเดือนมิถุนายน-สิงหาคม ว่าอาจได้รับเชื้อไวรัสร้ายแรง ซึ่งคร่าชีวิตเหยื่อถึง 1 ใน 3 ทั้งยังไม่มีทางรักษาให้หายได้ พร้อมระบุ คนกลุ่มนี้มีความเสี่ยงที่จะแสดงอาการของโรคได้ภายใน 6 สัปดาห์ข้างหน้า
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขของฝรั่งเศสกำลังสอบสวนผู้ต้องสงสัยว่าอาจติดเชื้อฮันตาไวรัสจำนวน 2 รายเช่นกัน แต่ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม
ทั้งนี้ ระยะฟักตัวของโรคมักอยู่ที่ 2-4 สัปดาห์ หลังรับเชื้อเข้าสู่ร่างกายโดยอาจคลาดเคลื่อนได้จนถึงระยะ 6 สัปดาห์ สำหรับอาการได้แก่ ไข้สูง หนาวสั่น ปวดกล้ามเนื้อ ไอ ปวดศีรษะ และมีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร โดยขณะนี้ยังไม่มีวิธีรักษาโดยเฉพาะ แต่หากพบและรักษาตามอาการแต่เนิ่นๆ ก็มีโอกาสรอดชีวิตมากขึ้น
