คอลัมน์ “The Golf Touch” โดย “วันปีย์ สัจจมาร์ค”
ผมเคยได้ยินในกลุ่มก๊วนกอล์ฟหลายกลุ่มชอบพูดถึงอาการของคนที่ตีออกทะเลหลังจากเพิ่งได้เบอร์ดี้ในหลุมที่ผ่านมาว่า "After Birdie” ซึ่งเหตุการณ์ในลักษณะนี้จะสามารถพบได้จากอาการ "ดีใจอย่างสุดตัว" ขนาดหนัก ซึ่งมีผลทำให้เมนบอร์ดแฮงค์ไปชั่วคราว ต้องใช้เวลาสักพักเพื่อฟื้นฟูจิตใจให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ
ยิ่งถ้าเป็นนักกอล์ฟที่ไม่ค่อยสนิทกับ "เบอร์ดี้” แล้ว อาการน่าจะแสดงให้เห็นชัดกว่านักกอล์ฟที่แวะเวียนเจอเบอร์ดี้บ้างเป็นครั้งคราว ในแง่ของจิตใจแล้วการได้เบอร์ดี้มักจะส่งผลให้เรามั่นใจมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น นาย A อาจจะรู้สึกว่า เมื่อได้เบอร์ดี้มาแล้วก็คิดว่า "จะต้องได้อีก" จนทำให้เกิดการเล่นที่ตั้งใจเป็นพิเศษ และสร้างความกดดันให้กับวงสวิงของตัวเอง แต่ปรากฎว่าผลกระทบคือความผิดพลาด ทำไม่ได้อย่างที่ใจต้องการ จึงมีความรู้สึก "อยากเอาคืน” ถึงตอนนั้นสมาธิไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้วครับ ว่ายกลับเข้าฝั่งกันไม่ถูกเลยทีเดียว หรือจะเป็นอย่างนาย B ก็คือ "ตกอยู่ในภวังค์" มัวแต่ดีใจกับเบอร์ดี้ที่เพิ่งได้มา จนตอนนี้เดินขึ้นหลุมถัดไปแล้ว ก็ยังลั้ลลาคุยโม้โอ้อวดเพื่อนไม่หยุด หวดลูกออกไปขณะที่ร่างกายและสมองคิดกันคนละเรื่อง นั่นละครับ... เตรียมหาขอนไม้เหมาะๆ แล้วไปนัดพบกับนาย A ที่กลางทะเลได้เลย
แต่ในทางกลับกัน มีนักกอล์ฟอีกกลุ่มหนึ่งที่หลังจากได้เบอร์ดี้แล้ว ก็สามารถซ้ำด้วยเบอร์ดี้ได้อีกในหลุมถัดไป... อย่างที่เรารู้กันดีว่า "กอล์ฟเป็นกีฬาที่แข่งกับตนเอง เล่นกันหลุมต่อหลุม" เราจึงไม่ค่อยเห็นอาการ "After Birdie” นี้จากบรรดานักกอล์ฟอาชีพหรืออเมเจอร์ฝีมือดี เพราะนักกอล์ฟเหล่านี้มักจะคิดถึงแต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้า อยู่กับเหตุการณ์ปัจจุบัน "ไม่คาดหวังกับสิ่งที่ยังไม่
เจอ" และถ้าว่าไปแล้วพวกเขาก็ "ไม่พร่ำเพ้อถึงสิ่งที่เพิ่งผ่านมา" ด้วยเช่นกัน สรุปคือวิธีรักษาอาการ “After Birdie” และ “After Bogey” ก็คือการไม่กดดันตัวเองในหลุมที่เหลือข้างหน้า และการไม่คร่ำครวญเสียใจกับสิ่งที่ย้อนกลับไปแก้ไขไม่ได้ ไม่ว่าจะเบอร์ดี้หรือโบกี้ก็ตาม สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดในตอนนี้คือการให้ความสำคัญกับช็อตที่กำลังเล่นอยู่ต่างหาก
ผมเข้าใจนะครับว่าการเอาชนะใจตัวเองนั้นมันยาก ไม่ใช่แค่บอกหรือสอนกันแล้วจะทำได้ แต่หากเราเปลี่ยนทัศนคติสำเร็จมาเล่นได้อย่างนี้แล้วล่ะก็ ความหมายของคำว่า "After Birdie” อาจจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ผมเคยได้ยินในกลุ่มก๊วนกอล์ฟหลายกลุ่มชอบพูดถึงอาการของคนที่ตีออกทะเลหลังจากเพิ่งได้เบอร์ดี้ในหลุมที่ผ่านมาว่า "After Birdie” ซึ่งเหตุการณ์ในลักษณะนี้จะสามารถพบได้จากอาการ "ดีใจอย่างสุดตัว" ขนาดหนัก ซึ่งมีผลทำให้เมนบอร์ดแฮงค์ไปชั่วคราว ต้องใช้เวลาสักพักเพื่อฟื้นฟูจิตใจให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ
ยิ่งถ้าเป็นนักกอล์ฟที่ไม่ค่อยสนิทกับ "เบอร์ดี้” แล้ว อาการน่าจะแสดงให้เห็นชัดกว่านักกอล์ฟที่แวะเวียนเจอเบอร์ดี้บ้างเป็นครั้งคราว ในแง่ของจิตใจแล้วการได้เบอร์ดี้มักจะส่งผลให้เรามั่นใจมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น นาย A อาจจะรู้สึกว่า เมื่อได้เบอร์ดี้มาแล้วก็คิดว่า "จะต้องได้อีก" จนทำให้เกิดการเล่นที่ตั้งใจเป็นพิเศษ และสร้างความกดดันให้กับวงสวิงของตัวเอง แต่ปรากฎว่าผลกระทบคือความผิดพลาด ทำไม่ได้อย่างที่ใจต้องการ จึงมีความรู้สึก "อยากเอาคืน” ถึงตอนนั้นสมาธิไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้วครับ ว่ายกลับเข้าฝั่งกันไม่ถูกเลยทีเดียว หรือจะเป็นอย่างนาย B ก็คือ "ตกอยู่ในภวังค์" มัวแต่ดีใจกับเบอร์ดี้ที่เพิ่งได้มา จนตอนนี้เดินขึ้นหลุมถัดไปแล้ว ก็ยังลั้ลลาคุยโม้โอ้อวดเพื่อนไม่หยุด หวดลูกออกไปขณะที่ร่างกายและสมองคิดกันคนละเรื่อง นั่นละครับ... เตรียมหาขอนไม้เหมาะๆ แล้วไปนัดพบกับนาย A ที่กลางทะเลได้เลย
แต่ในทางกลับกัน มีนักกอล์ฟอีกกลุ่มหนึ่งที่หลังจากได้เบอร์ดี้แล้ว ก็สามารถซ้ำด้วยเบอร์ดี้ได้อีกในหลุมถัดไป... อย่างที่เรารู้กันดีว่า "กอล์ฟเป็นกีฬาที่แข่งกับตนเอง เล่นกันหลุมต่อหลุม" เราจึงไม่ค่อยเห็นอาการ "After Birdie” นี้จากบรรดานักกอล์ฟอาชีพหรืออเมเจอร์ฝีมือดี เพราะนักกอล์ฟเหล่านี้มักจะคิดถึงแต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้า อยู่กับเหตุการณ์ปัจจุบัน "ไม่คาดหวังกับสิ่งที่ยังไม่
เจอ" และถ้าว่าไปแล้วพวกเขาก็ "ไม่พร่ำเพ้อถึงสิ่งที่เพิ่งผ่านมา" ด้วยเช่นกัน สรุปคือวิธีรักษาอาการ “After Birdie” และ “After Bogey” ก็คือการไม่กดดันตัวเองในหลุมที่เหลือข้างหน้า และการไม่คร่ำครวญเสียใจกับสิ่งที่ย้อนกลับไปแก้ไขไม่ได้ ไม่ว่าจะเบอร์ดี้หรือโบกี้ก็ตาม สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดในตอนนี้คือการให้ความสำคัญกับช็อตที่กำลังเล่นอยู่ต่างหาก
ผมเข้าใจนะครับว่าการเอาชนะใจตัวเองนั้นมันยาก ไม่ใช่แค่บอกหรือสอนกันแล้วจะทำได้ แต่หากเราเปลี่ยนทัศนคติสำเร็จมาเล่นได้อย่างนี้แล้วล่ะก็ ความหมายของคำว่า "After Birdie” อาจจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง