xs
xsm
sm
md
lg

“ซัน เมียง มูน” ผู้ก่อตั้งโบสถ์ Unification ในเกาหลีใต้อำลาโลกแล้วด้วยวัย 92 ปี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ซัน เมียง มูน และ ฮัก จา ฮัน ผู้เป็นภรรยา ประสานมือเพื่ออวยพรคู่บ่าวสาวในพิธีสมรสหมู่ของโบสถ์แห่งความสามัคคี ณ สนามกีฬากรุงโซล เมื่อปี 2002 (แฟ้มภาพ)
เอเอฟพี - ซัน เมียง มูน นักบุญชาวเกาหลีใต้ผู้ก่อตั้งโบสถ์แห่งความสามัคคี (Unification Church) และเจ้าของอาณาจักรธุรกิจที่หลากหลายตั้งแต่บริษัทผลิตรถยนต์ไปจนถึงร้านซูชิ ถึงแก่กรรมแล้วเมื่อเช้าวันนี้ (3) ด้วยวัย 92 ปี

มูน เข้ารับการรักษาโรคปอดบวมมานานกว่า 2 สัปดาห์ ก่อนจะอำลาโลกเมื่อเวลาราว 02.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น (24.00 น.ตามเวลาในไทย) ณ โรงพยาบาลภายในสำนักงานใหญ่ของโบสถ์แห่งความสามัคคี เมืองกาพยอง ทางตะวันออกของกรุงโซล

แม้ มูน จะได้รับการเทิดทูนจากเหล่าสาวกประดุจนักบุญผู้ยิ่งใหญ่ แต่ก็ถูกนักวิจารณ์เสียดสีว่าเป็นเพียงเจ้าลัทธิต้มตุ๋น และเคยถูกจำคุกในสหรัฐฯ เพราะปัญหาเรื่องการเงินมาแล้ว

โบ ฮี ปัก คนสนิทของมูนให้สัมภาษณ์สื่อท้องถิ่นว่า “ท่านเป็นดุจบิดาและพระเมสสิอาห์ที่พระเจ้าส่งมายังเรา ร่างกายของท่านถูกสร้างมาอย่างพิเศษ ดังนั้นเราจึงเชื่อว่าท่านจะมีอายุยืนถึง 100 ปี”

“เมื่อท่านกลับไปสรวงสวรรค์เสียแล้ว เราทุกคนก็รู้สึกโศกเศร้าอย่างยิ่ง เราเสียใจมากจริงๆ” ปักกล่าวทั้งน้ำตา

โบสถ์แห่งความสามัคคีออกแถลงการณ์ว่า ร่างของมูน “จะถูกเก็บรักษาไว้” เป็นเวลา 13 วัน ก่อนจะมีพิธีศพในวันที่ 15 กันยายน แต่โฆษกได้ประกาศเพิ่มเติมอีกว่ายังไม่ตัดสินใจว่าจะให้สาธารณชนเข้าสักการะศพหรือไม่

มูน เกิดในครอบครัวชาวไร่เมื่อปี 1920 ในดินแดนซึ่งเป็นเกาหลีเหนือปัจจุบัน และอ้างว่าได้รับการดลใจจากพระเยซูคริสต์ตั้งแต่อายุ 15

เมื่อถูกปฏิเสธจากโบสถ์โปรเตสแตนต์เกาหลี มูน จึงก่อตั้งโบสถ์แห่งความสามัคคีขึ้นในปี 1954 หลังสงครามเกาหลีสิ้นสุดลง ซึ่งปัจจุบันโบสถ์ของเขามีผู้ยอมรับนับถือทั่วโลกกว่า 3 ล้านคน

พิธีกรรมของโบสถ์แห่งความสามัคคีซึ่งเป็นที่รู้จักมากที่สุดก็คือ การจัดสมรสหมู่ตามสนามกีฬาต่างๆ ซึ่งบางครั้งก็มีบ่าวสาวเข้าร่วมพิธีนับหมื่นคน หนุ่มสาวเหล่านี้มาจากต่างเชื้อชาติและภาษา และส่วนใหญ่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่มูนจะเป็นผู้ตัดสินใจเลือกคู่ให้ด้วยตนเอง

นักวิจารณ์บางคนปรามาสโบสถ์แห่งนี้ว่าเป็นเพียงลัทธิล้างสมอง และเรียกผู้ที่ยอมรับนับถือว่า “มูนีส์” (Moonies)

โบสถ์แห่งความสามัคคีเฟื่องฟูถึงขีดสุดในช่วงทศวรรษที่ 1970-80 และเริ่มนำเงินไปลงทุนในธุรกิจก่อสร้าง, จักรกลหนัก, การศึกษา, สื่อ และแม้กระทั่งตั้งทีมฟุตบอลอาชีพ

โบสถ์ของมูนยังมีหุ้นในบริษัทสื่อต่างประเทศอย่างหนังสือพิมพ์วอชิงตัน ไทม์ส และสำนักข่าวยูไนเต็ดเพรส อินเตอร์เนชันแนล นอกจากนี้ยังมีธุรกิจเกี่ยวกับการประมง และเปิดเครือข่ายร้านซูชิในสหรัฐฯ

บริษัท พยองฮวา มอเตอร์ส ในเครือโบสถ์แห่งความสามัคคียังเข้าไปร่วมทุนผลิตรถยนต์ในเกาหลีเหนือ เมื่อปี 1999

คำสอนของโบสถ์แห่งความสามัคคี หรือที่มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า สมาพันธ์ครอบครัวเพื่อสันติภาพและความสามัคคีในโลก (Family Federation for World Peace and Unification) มีพื้นฐานจากพระคัมภีร์ไบเบิล แต่ใช้การตีความที่แตกต่างออกไป และในเอกสารของโบสถ์ยังกล่าวถึงมูนในฐานะ “บิดาที่แท้จริง” และเป็น “เมสสิอาห์เพียงคนเดียวในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ”

ปี 1972 มูน ได้ย้ายไปพำนักในสหรัฐฯ และถูกตั้งข้อหาหลีกเลี่ยงภาษีในปี 1981 ซึ่งสาวกของเขายืนยันว่า เป็นเพียงความพยายามยัดเยียดข้อหาเพื่อขับไล่เขาออกนอกประเทศ

มูน ถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลากว่า 1 ปี ก่อนจะกลับมายังเกาหลีใต้เมื่อปี 2006


โรงพยาบาลซึ่งเป็นสถานที่พักรักษาตัวของ ซัน เมียง มูน
กำลังโหลดความคิดเห็น