เอเอฟพี - ชาวเกาหลีใต้และต่างชาติหลายพันคนเดินทางไปร่วมไว้อาลัยและสวดมนต์ให้กับ ซัน เมียง มูน ผู้ก่อตั้งโบสถ์แห่งความสามัคคี (unification Church) ซึ่งพวกเขาเชื่อว่าเป็น “เมสสิอาห์” ที่พระเจ้าส่งมายังแผ่นดินเกาหลี
สาวกชายในชุดสูทสีดำและหญิงในชุดขาวเดินทางไปยังสำนักงานใหญ่ของโบสถ์แห่งความสามัคคีในเมืองกาพยอง ซึ่งห่างจากกรุงโซลไปทางตะวันออกราว 60 กิโลเมตร เพื่อร่วมพิธีไว้อาลัย ก่อนจะมีการจัดพิธีศพแก่มูน ในวันที่ 15 กันยายน
มูน ซึ่งอ้างตนเป็น “เมสสิอาห์” และก่อตั้งโบสถ์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังจากพิธีสมรสหมู่ และยังมีธุรกิจหลากหลายตั้งแต่บริษัทผลิตรถยนต์ไปจนถึงร้านขายซูชิ ถึงแก่กรรมเมื่อเช้าวันจันทร์ที่ผ่านมา (3) ด้วยอาการปอดบวม ขณะอายุได้ 92 ปี
รถบัสหลายสิบคันทยอยนำสาวก “มูนีส์” ซึ่งมีชาวญี่ปุ่นอยู่ด้วยเป็นจำนวนมาก ไปยังสำนักงานโบสถ์ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางขุนเขาในเมืองกาพยอง โดยมีการตั้งแท่นบูชาและภาพถ่ายขนาดยักษ์ของมูนในวัยหนุ่มฉกรรจ์
ผู้ไว้อาลัยต่างวางช่อดอกกุหลาบและลิลลี ซึ่งเป็นดอกไม้ที่มูนโปรดปราน ก่อนจะโค้งคำนับภาพถ่ายของเขา
ข้างๆ แท่นบูชามีการปักธงชาติเกาหลีใต้, ญี่ปุ่น, สหรัฐฯ และอีกหลายประเทศ รวมถึงพวงหรีดจากบุคคลสำคัญ เช่น ประธานาธิบดี อี มย็อง-บัก
ฮยุง-จิน มูน บุตรชายคนเล็กของมูน ซึ่งรับสืบทอดตำแหน่งผู้นำโบสถ์ต่อจากบิดา ยืนต้อนรับแขกผู้มาเยือน ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าแต่ก็สงบเงียบ
“ผมรู้สึกเสียใจยิ่งกว่าตอนที่พ่อแม่ตายเสียอีก ไม่คิดว่าท่านบิดาที่แท้จริงของเราจะจากไปเร็วอย่างนี้” ปาร์ก มาล-รเย ซึ่งเป็นสาวกของ มูน มานานกว่า 20 ปี ให้สัมภาษณ์ทั้งน้ำตา
“ที่ผ่านมาโบสถ์ของเราถูกชาวคริสต์ให้ร้ายใส่ความมาโดยตลอด แต่การจากไปของหลวงพ่อจะทำให้สังคมเล็งเห็นถึงความสำเร็จของท่าน และทำให้คำสอนของเราแพร่หลายออกไป”
ทั้งนี้ คาดว่าจะมีชาวเกาหลีใต้ราว 150,000 คนจากทั้งในและนอกประเทศ รวมถึงชาวญี่ปุ่นอีกราว 32,000 คน ทยอยเดินทางไปเคารพศพ ซัน เมียง มูน ตลอด 10 วันข้างหน้า