เอเจนซีส์ - ยอดส่งออกญี่ปุ่นดิ่งแรงที่สุดในรอบ 6 เดือน สะท้อนภาวะขาลงในตลาดส่งออกสำคัญทั้งยุโรปและเอเชีย อีกทั้งตอกย้ำสถานการณ์อันตรายของเศรษฐกิจโลก
ยอดส่งออกประจำเดือนกรกฎาคมของญี่ปุ่นลดลง 8.1% ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์เฉลี่ยของนักเศรษฐศาสตร์ที่อยู่ที่ 2.9% โดยยอดจัดส่งไปยังสหภาพยุโรปร่วงลงถึง 25.1% รุนแรงที่สุดนับจากเดือนตุลาคม 2009 และส่งผลให้ญี่ปุ่นขาดดุลอียูสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 95,200 ล้านเยน
มาซายูกิ คิชิกาวะ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของแบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริล ลินช์ในโตเกียว ระบุว่าวิกฤตหนี้ยุโรปเป็นปัจจัยแรกที่ฉุดการส่งออกแดนปลาดิบ ขณะที่ดีมานด์ในจีนไม่ได้ช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจญี่ปุ่นอย่างที่คาดหวังไว้
ข้อมูลล่าสุดที่ญี่ปุ่นเผยแพร่ออกมาในวันพุธ (22) ยังตอกย้ำว่า การเติบโตชะลอตัวในประเทศผู้ส่งออกสำคัญของเอเชียอาจลากยาวเข้าสู่ไตรมาส 3 ของปีนี้
โรเบิร์ต ไพรเออร์-แวนเดสฟอร์ด ผู้อำนวยการแผนกเศรษฐกิจเอเชียของเครดิต สวิสในสิงคโปร์ สำทับว่า สถานการณ์ในประเทศคู่ค้าสำคัญของเอเชียขณะนี้ทำให้ยากที่จะคาดการณ์แง่บวกได้
การส่งออกของไต้หวัน ผู้เล่นสำคัญในห่วงโซ่อุปทานเทคโนโยลีโลก ในเดือนกรกฎาคม ก็ตกลง 4.4% ซึ่งถือเป็นการติดลบต่อเนื่องเดือนที่ 5 ขณะที่ยอดส่งออกของเกาหลีใต้ ผู้ผลิตรถยนต์ ชิป และจอแบนรายใหญ่ ทรุดแรงที่สุดในรอบเกือบ 3 ปี ส่วนยอดส่งออกจีนขยับขึ้นน่าผิดหวังแค่ 1%
การส่งออกของญี่ปุ่นไปยังจีน คู่ค้าใหญ่ที่สุด ตกลง 11% ซึ่งถือว่าแรงที่สุดในรอบ 5 เดือน และทำให้ญี่ปุ่นขาดดุลการค้าจีน 250,100 ล้านเยน หรือเกือบสองเท่าตัวของเดือนมิถุนายน ข้อมูลนี้ยังสะท้อนสถานการณ์เศรษฐกิจของจีนที่การเติบโตยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ หลังจากเศรษฐกิจชะลอตัวมา 6 ไตรมาสติดกัน แม้แบงก์ชาติลดดอกเบี้ยมาแล้ว 2 ครั้ง รวมทั้งลดเพดานการกันสำรองของแบงก์พาณิชย์ก็ตาม
ยอดส่งออกของญี่ปุ่นไปยังประเทศเศรษฐกิจชั้นนำอื่นๆ ของเอเชีย อาทิ เกาหลีใต้ ฮ่องกง ไต้หวัน และสิงคโปร์ ดิ่งลง 14.2%
ส่วนยอดส่งออกของญี่ปุ่นไปสหรัฐฯ ในเดือนที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นเพียง 4.7% เทียบกับที่พุ่งขึ้นถึง 15.1% ในเดือนก่อนหน้า
โนริโอะ มิยากาวะ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของแผนกวิจัยและให้คำปรึกษาของมิซูโฮ ซีเคียวริตี้ส์ ชี้ว่าการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ไม่แข็งแกร่งอย่างที่หวัง ขณะที่การส่งออกไปยังยุโรปและเอเชียยังตกต่ำ
กระทรวงคลังรายงานเมื่อวันพุธว่า ญี่ปุ่นขาดดุลการค้าเกินคาดถึง 517,400 ล้านเยน (6,500 ดอลลาร์) ในเดือนกรกฎาคม
นักวิเคราะห์ชี้ว่า ข้อมูลทั้งหมดบ่งชี้ความเสี่ยงว่า ความต้องการสินค้าญี่ปุ่นของต่างชาติอาจฟื้นตัวไม่ทันมาชดเชยผลจากมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศจากแผนฟื้นฟูหลังภัยพิบัติใหญ่ต้นปีที่แล้วซึ่งกำลังจะเจือจางลง อันจะทำให้การฟื้นตัวอันเปราะบางของประเทศเศรษฐกิจอันดับ 3 ของโลกแห่งนี้ชะงักงัน
เทรดเดอร์หุ้นสำทับว่า ข้อมูลล่าสุดของญี่ปุ่นเป็นปัจจัยลบในตลาดหุ้นเอเชียวันพุธ เนื่องจากย้ำเตือนความเสี่ยงที่ว่าวิกฤตยุโรปเป็นภัยคุกคามสำคัญต่อเอเชีย
กระนั้น ไนเจล ชอล์ก กรรมการผู้จัดการฝ่ายวิจัยเอเชียของบาร์เคลย์ส มองว่าท่ามกลางข้อมูลที่น่าผิดหวังเหล่านี้ ผู้วางนโยบายในเอเชียไม่มีแนวโน้มใช้มาตรการเชิงรุกมาจัดการกับการทรุดดิ่งของการส่งออกแต่อย่างใด เนื่องจากโดยรวมแล้วเศรษฐกิจส่วนใหญ่ในภูมิภาคยังปลอดความเสี่ยงจากภาวะถดถอย ผิดกับยูโรโซนที่ถูกคาดหมายว่า จะเข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
ยอดส่งออกประจำเดือนกรกฎาคมของญี่ปุ่นลดลง 8.1% ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์เฉลี่ยของนักเศรษฐศาสตร์ที่อยู่ที่ 2.9% โดยยอดจัดส่งไปยังสหภาพยุโรปร่วงลงถึง 25.1% รุนแรงที่สุดนับจากเดือนตุลาคม 2009 และส่งผลให้ญี่ปุ่นขาดดุลอียูสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 95,200 ล้านเยน
มาซายูกิ คิชิกาวะ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของแบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริล ลินช์ในโตเกียว ระบุว่าวิกฤตหนี้ยุโรปเป็นปัจจัยแรกที่ฉุดการส่งออกแดนปลาดิบ ขณะที่ดีมานด์ในจีนไม่ได้ช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจญี่ปุ่นอย่างที่คาดหวังไว้
ข้อมูลล่าสุดที่ญี่ปุ่นเผยแพร่ออกมาในวันพุธ (22) ยังตอกย้ำว่า การเติบโตชะลอตัวในประเทศผู้ส่งออกสำคัญของเอเชียอาจลากยาวเข้าสู่ไตรมาส 3 ของปีนี้
โรเบิร์ต ไพรเออร์-แวนเดสฟอร์ด ผู้อำนวยการแผนกเศรษฐกิจเอเชียของเครดิต สวิสในสิงคโปร์ สำทับว่า สถานการณ์ในประเทศคู่ค้าสำคัญของเอเชียขณะนี้ทำให้ยากที่จะคาดการณ์แง่บวกได้
การส่งออกของไต้หวัน ผู้เล่นสำคัญในห่วงโซ่อุปทานเทคโนโยลีโลก ในเดือนกรกฎาคม ก็ตกลง 4.4% ซึ่งถือเป็นการติดลบต่อเนื่องเดือนที่ 5 ขณะที่ยอดส่งออกของเกาหลีใต้ ผู้ผลิตรถยนต์ ชิป และจอแบนรายใหญ่ ทรุดแรงที่สุดในรอบเกือบ 3 ปี ส่วนยอดส่งออกจีนขยับขึ้นน่าผิดหวังแค่ 1%
การส่งออกของญี่ปุ่นไปยังจีน คู่ค้าใหญ่ที่สุด ตกลง 11% ซึ่งถือว่าแรงที่สุดในรอบ 5 เดือน และทำให้ญี่ปุ่นขาดดุลการค้าจีน 250,100 ล้านเยน หรือเกือบสองเท่าตัวของเดือนมิถุนายน ข้อมูลนี้ยังสะท้อนสถานการณ์เศรษฐกิจของจีนที่การเติบโตยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ หลังจากเศรษฐกิจชะลอตัวมา 6 ไตรมาสติดกัน แม้แบงก์ชาติลดดอกเบี้ยมาแล้ว 2 ครั้ง รวมทั้งลดเพดานการกันสำรองของแบงก์พาณิชย์ก็ตาม
ยอดส่งออกของญี่ปุ่นไปยังประเทศเศรษฐกิจชั้นนำอื่นๆ ของเอเชีย อาทิ เกาหลีใต้ ฮ่องกง ไต้หวัน และสิงคโปร์ ดิ่งลง 14.2%
ส่วนยอดส่งออกของญี่ปุ่นไปสหรัฐฯ ในเดือนที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นเพียง 4.7% เทียบกับที่พุ่งขึ้นถึง 15.1% ในเดือนก่อนหน้า
โนริโอะ มิยากาวะ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของแผนกวิจัยและให้คำปรึกษาของมิซูโฮ ซีเคียวริตี้ส์ ชี้ว่าการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ไม่แข็งแกร่งอย่างที่หวัง ขณะที่การส่งออกไปยังยุโรปและเอเชียยังตกต่ำ
กระทรวงคลังรายงานเมื่อวันพุธว่า ญี่ปุ่นขาดดุลการค้าเกินคาดถึง 517,400 ล้านเยน (6,500 ดอลลาร์) ในเดือนกรกฎาคม
นักวิเคราะห์ชี้ว่า ข้อมูลทั้งหมดบ่งชี้ความเสี่ยงว่า ความต้องการสินค้าญี่ปุ่นของต่างชาติอาจฟื้นตัวไม่ทันมาชดเชยผลจากมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศจากแผนฟื้นฟูหลังภัยพิบัติใหญ่ต้นปีที่แล้วซึ่งกำลังจะเจือจางลง อันจะทำให้การฟื้นตัวอันเปราะบางของประเทศเศรษฐกิจอันดับ 3 ของโลกแห่งนี้ชะงักงัน
เทรดเดอร์หุ้นสำทับว่า ข้อมูลล่าสุดของญี่ปุ่นเป็นปัจจัยลบในตลาดหุ้นเอเชียวันพุธ เนื่องจากย้ำเตือนความเสี่ยงที่ว่าวิกฤตยุโรปเป็นภัยคุกคามสำคัญต่อเอเชีย
กระนั้น ไนเจล ชอล์ก กรรมการผู้จัดการฝ่ายวิจัยเอเชียของบาร์เคลย์ส มองว่าท่ามกลางข้อมูลที่น่าผิดหวังเหล่านี้ ผู้วางนโยบายในเอเชียไม่มีแนวโน้มใช้มาตรการเชิงรุกมาจัดการกับการทรุดดิ่งของการส่งออกแต่อย่างใด เนื่องจากโดยรวมแล้วเศรษฐกิจส่วนใหญ่ในภูมิภาคยังปลอดความเสี่ยงจากภาวะถดถอย ผิดกับยูโรโซนที่ถูกคาดหมายว่า จะเข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
