xs
xsm
sm
md
lg

ยุทธศาสตร์ในแอฟริกาของจีน‘ชนะ’ของสหรัฐฯ (ตอนจบ)

เผยแพร่:   โดย: เบรนดัน โอไรลีย์

(เก็บความจากเอเชียไทมส์ออนไลน์ www.atimes.com)

China’s winning strategy in Africa
By Brendan O'Reilly
14/08/2012

เสียงป่าวร้องที่ว่า การผงาดขึ้นมาของจีนในแอฟริกามีค่ามีความหมายเท่ากับการดำเนินลัทธิอาณานิคมแผนใหม่ และกำลังทำให้ชาวแอฟริกาไม่พอใจนั้น เอาเข้าจริงแล้วก็เป็นเพียงความคิดที่ปรากฏอยู่ในสมองของพวกนักวิเคราะห์ชาวตะวันตกเป็นสำคัญ แท้ที่จริงแล้วมีความผิดแผกแตกต่างกันอย่างชัดแจ้งระหว่างนโยบายการต่างประเทศของปักกิ่งกับของวอชิงตัน และไม่มีสถานที่ใดเลยที่เรื่องเช่นนี้จะมองเห็นได้อย่างกระจะตายิ่งกว่าในกาฬทวีปอีกแล้ว กล่าวคือ ผลประโยชน์ของจีนนั้นเป็นเรื่องของเศรษฐกิจล้วนๆ ขณะที่สหรัฐฯยังคงมุ่งสาละวนอยู่กับการมีฐานะครอบงำในทางการทหาร

*ข้อเขียนชิ้นนี้แบ่งเป็น 2 ตอน นี่คือตอนที่ 2 ซึ่งเป็นตอนจบ*

(ต่อจากตอนแรก)

มีผู้นำแอฟริกาบางราย เป็นต้นว่า จาค็อบ ซูมา ประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ แสดงการติติงเล็กๆ เกี่ยวกับแบบแผนทางการค้าระหว่างจีนกับกาฬทวีป ซึ่งแอฟริกาเป็นฝ่ายส่งออกทรัพยากรธรรมชาติไปเป็นวัตถุดิบของแดนมังกร ขณะที่จีนเป็นฝ่ายส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมสำเร็จรูปให้แก่กาฬทวีป แต่นี่ไม่ได้หมายความว่า มันเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงทัศนคติต่อต้านจีนโดยทั่วไปที่ปรากฏอยู่ตลอดทั่วทั้งทวีปนี้

จากผลการสำรวจความคิดเห็นที่จัดทำโดยบริการภาคภาษาต่างประเทศของบีบีซีประจำปี 2011 (2011 BBC World Service Poll) ปรากฏว่า 82 เปอร์เซ็นต์ของชาวไนจีเรีย และ 77% ของชาวเคนยา เชื่อว่าการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนมี “ผลกระทบในทางบวก” ต่อประเทศของพวกเขา [5] นี่เป็นเรตติ้งในทางบวกต่อการผงาดขึ้นมาในทางเศรษฐกิจของจีนซึ่งสูงที่สุดในบรรดา 27 ประเทศที่ทำการสำรวจความคิดเห็นคราวนี้ เมื่อยกเว้นไม่นับประเทศจีนเอง ทัศนคติในทางดีเช่นนี้ยังสะท้อนให้เห็นในกานา (62 เปอร์เซ็นต์) แต่ลดต่ำลงอย่างน่าสังเกตในอียิปต์ (54 เปอร์เซ็นต์) และ แอฟริกาใต้ (52 เปอร์เซนต์)

ยิ่งกว่านั้นผลการสำรวจคราวเดียวกันนี้ยังพบว่า ชาวแอฟริกาส่วนใหญ่ระดับท่วมท้นมองว่าวิธีปฏิบัติในทางการค้าของจีนนั้น “ยุติธรรม” กล่าวคือ มีตั้งแต่ระดับ 88 เปอร์เซ็นต์ที่ไนจีเรีย จนถึงระดับ 61 เปอร์เซ็นต์ในแอฟริกาใต้ ผลการสำรวจของบีบีซีครั้งนี้บอกให้เราทราบว่า มีชาวไนจีเรียเพียง 5 เปอร์เซ็นต์ และชาวแอฟริกาใต้ 18 เปอร์เซ็นต์ ที่มองวิธีปฏิบัติในทางการค้าของจีนว่า “ไม่เป็นธรรม”

ปัญหาภาพลักษณ์ของจีนในแอฟริกาจึงดำรงคงอยู่ในสมองของพวกผู้สังเกตการณ์ชาวตะวันตกเป็นสำคัญ ถึงแม้มีความวิตกห่วงใยอยู่มากเกี่ยวกับวิธีปฏิบัติทางการค้าซึ่งดูจะไม่มีความยั่งยืน ทว่าความกังวลเหล่านี้ก็ไม่ได้ก่อให้เกิดอารมณ์ความรู้สึกต่อต้านจีนแพร่กระจายไปทั่วทั้งกาฬทวีป

การตั้งข้อกล่าวหาว่าจีนกำลังดำเนิน “ลัทธิจักรวรรดินิยมแผนใหม่” (neo-imperialism) อยู่ในแอฟริกานั้น ที่สำคัญแล้วอิงอาศัยแบบแผนทางการค้าที่ดำรงอยู่ กล่าวคือ แบบแผนแห่งการนำเข้าวัตถุดิบและส่งออกสินค้าสำเร็จรูป คือสูตรมาตรฐานของบรรดามหาอำนาจเจ้าอาณานิคมทั้งหลาย อย่างไรก็ดี ปัจจัยอันสำคัญยิ่งที่เป็นตัวกำหนดความเป็นจักรวรรดินิยม อันได้แก่ การครอบงำทางทหารและการใช้กำลังนั้น กลับไม่ปรากฏให้เห็นในนโยบายต่อแอฟริกาของแดนมังกร แต่เรากลับพูดเช่นนี้ไม่ได้กับพวกตะวันตกที่เป็นนักวิพากษ์วิจารณ์จีนรายสำคัญๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นักวิพากษ์วิจารณ์อย่างสหรัฐอเมริกา
ในช่วงเวลา 10 ปีที่ผ่านมาซึ่งจีนกำลังเพิ่มพูนการค้าและการลงทุนในแอฟริกาอย่างรวดเร็วนั้น สหรัฐฯก็รวมศูนย์มุ่งให้ความสนใจกับประเด็นปัญหา “ความมั่นคง” ประการต่างๆ ในทวีปนี้ สหรัฐฯเกี่ยวข้องพัวพันกับสงครามกลางเมืองอันยืดเยื้อที่โซมาลีอย่างใหญ่โตกว้างขวาง โดยที่มีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมากจากอากาศยานไร้คนขับซึ่งถูกส่งออกไปโจมตีเป้าหมายที่เป็นพวกกองกำลังอาวุธอิสลามิสต์ กองทหารเอธิโอเปียและยูกันดา ที่หนุนหลังด้วยอาวุธและข่าวกรองของอเมริกัน กำลังเข้าไปแทรกแซงในโซมาลีเพื่อต่อต้านกองกำลังอาวุธอิสลามิสต์ ยิ่งกว่านั้นในปี 2007 กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯได้จัดตั้งกองบัญชาการทหารสหรัฐฯภาคแอฟริกา (United States Africa Command ใช้อักษรย่อว่า AFRICOM) *3* ขึ้นมา โดยกำหนดให้มีความรับผิดชอบทางการทหารในพื้นที่ตลอดทั่วทั้งกาฬทวีป นอกจากนี้ที่ลิเบีย องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) ก็ได้ทำการรณรงค์ทิ้งระเบิดเพื่อช่วยเหลือฝ่ายกบฏในการโค่นล้มระบอบปกครองมูอัมมาร์ กัดดาฟี โดยที่ได้รับการหนุนหลังอย่างแข็งขันจากแสนยานุภาพของสหรัฐฯ (ขณะที่จีนแสดงความไม่เห็นด้วย)

การที่สหรัฐมุ่งเน้นหนักสนใจอย่างสายตาสั้นคับแคบต่อประเด็นเรื่องความมั่นคงและการต่อต้านการก่อการร้ายเช่นนี้เอง ทำให้จีนได้โอกาสอันสำคัญมากในการเดินหน้ารุกใหญ่ทางเศรษฐกิจในแอฟริกา ไม่มีที่ใดในโลกอีกแล้วที่จุดเน้นหนักทางด้านนโยบายการต่างประเทศของประเทศทั้งสองนี้จะแตกต่างตัดแย้งกันอย่างเด่นชัดเหมือนในทวีปแอฟริกา ขณะที่สหรัฐฯกำลังสาละวนกับการทิ้งระเบิดและการจัดส่งอาวุธ จีนกลับมุ่งไปที่การซื้อการขาย, การก่อสร้างและการปล่อยกู้

คำพูดของรัฐมนตรีต่างประเทศคลินตันของสหรัฐฯ ที่วิพากษ์วิจารณ์นโยบายต่อแอฟริกาของจีน จึงน่าที่จะไม่มีใครรับฟังให้ความสนใจ เงินสดจริงๆ เป็นฟ่อนๆ ของจีนนั้นได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพในการชนะใจเพื่อนมิตรในภูมิภาคแถบนี้ ยิ่งกว่าวิธีการทางทหารของอเมริกามากมายนัก

ยิ่งไปกว่านั้น มันก็ไม่ใช่ว่าจีนเป็นผู้ที่ผูกขาดอยู่แต่เพียงผู้เดียว ในการติดต่อสัมพันธ์กับพวกระบอบปกครองผู้กดขี่ด้วยจุดประสงค์ที่จะส่งเสริมสนับสนุนผลประโยชน์ของตนเอง ในขณะที่สหรัฐฯแสดงตัวเป็นแชมเปี้ยนผู้มุ่งมั่นรณรงค์ต่อสู้เพื่อ “สิทธิมนุษยชน” และ “ประชาธิปไตย” วอชิงตันก็มีการติดต่อทำข้อตกลงกับรัฐบาลเผด็จการในเอธิโอเปียและยูกันดาเพื่อสนับสนุนส่งเสริมวาระทางด้านการต่อต้านการก่อการร้ายและด้านความมั่นคงของตน แดเนียล คาลินากิ (Daniel Kalinaki) แห่งหนังสือพิมพ์เดลี่มอนิเตอร์ (Daily Monitor) ของยูกันดา ร้องครวญว่า สหรัฐฯผลักดันเรียกร้องธรรมาภิบาลอย่างชนิดที่ “ไม่เสมอต้นเสมอปลาย และมีการปรับเปลี่ยนครั้งแล้วครั้งเล่าโดยพิจารณาจากผลประโยชน์ต่างๆ ของตนเอง” [6]

ทั้งจีนและสหรัฐฯต่างก็มีผลประโยชน์อันใหญ่โตกว้างขวางในแอฟริกา ในขณะที่วอชิงตันรวมศูนย์ให้ความสนใจอยู่ที่การทำศึกสู้รบกับกระแสนักรบญิฮัดระดับโลก (และการโอ่อวดว่าตนเองกำลังส่งเสริมสนับสนุนประชาธิปไตย) ปักกิ่งก็มองเห็นโอกาสอันมากมายมหาศาลในเรื่องทรัพยากรธรรมชาติและลูกค้ารายใหม่ๆ สำหรับสินค้าจีน แอฟริกาจึงทำหน้าที่เป็นแสงสว่างสาดส่องให้เห็นความตัดแย้งกันอย่างชัดเจนระหว่างนโยบายการต่างประเทศของจีนกับของสหรัฐฯ ประเทศทั้งสองต่างมีความพรักพร้อมที่จะทำข้อตกลงกับพวกระบอบปกครองที่น่ารังเกียจเพื่อให้ได้ผลประโยชน์ที่ตนเองต้องการ ไม่ว่ามันจะเป็นผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ (ในกรณีของจีน) หรือเป็นผลประโยชน์ในทางยุทธศาสตร์ (ในกรณีของสหรัฐฯ)

ในเวลาที่สหรัฐฯกำลังปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์หันมาให้ความสำคัญต่อเอเชียเช่นเวลานี้ ย่อมเป็นธรรมดาอยู่แล้วที่จีนจะพยายามหาทางเพิ่มพูนการปักหลักหยั่งรากลึกในทางยุทธศาสตร์ในอาณาบริเวณต่างๆ ซึ่งเมื่อก่อนเคยถูกครอบงำโดยสหรัฐฯและพันธมิตรยุโรปของสหรัฐฯ ถ้าหากสหรัฐฯเกิดมีความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างเปิดเผยมากขึ้นเรื่อยๆ ที่จะขีดวงจำกัดการผงาดขึ้นมาของจีนแล้ว การต่อสู้ช่วงชิงกันที่จะเกิดขึ้นติดตามมาก็จะไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกเท่านั้น สายสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจอันใหญ่โตกว้างขวางที่จีนมีอยู่กับแอฟริกาในที่สุดแล้วก็จะให้ดอกผลกำรี้กำไรในทางการเมืองแก่แดนมังกรด้วย
**หมายเหตุ**

[1] ดูเรื่อง Hillary Clinton launches African tour with veiled attack on China, The Guardian, Aug 1, '12.

[2] ดูเรื่อง US plot to sow discord between China, Africa is doomed to fail , Xinhua, Aug 3, '12.

[3] ดูเรื่อง Chart of the week: China steps up the Africa charm offensive, The Financial Times, Jul 23, '12.

[4] ดูเรื่อง Zuma warns on Africa’s trade ties to China
, The Washington Post, Jul 19, '12.

[5] ดูเรื่อง Rising Concern about China’s Increasing Power: Global Poll, BBC World Service, Mar 27, '11 (pdf file).

[6] ดูเรื่อง China attacks Clinton's Africa comments, The Financial Times, Aug 3, '12.

**หมายเหตุผู้แปล**
*1* รัฐมนตรีต่างประเทศ ฮิลลารี คลินตัน ของสหรัฐฯ ตระเวนเยือนทวีปแอฟริกาในช่วงต้นเดือนสิงหาคม 2012 นี้ เป็นเวลา 11 วัน รวม 9 ประเทศ
*2* สหภาพแอฟริกา (African Union ใช้อักษรย่อว่า AU) เป็นองค์การที่มีรัฐแอฟริกาเป็นสมาชิก 54 รัฐ โดยมีรัฐซึ่งดินแดนทั้งหมดอยู่ในแอฟริกาเพียงรายเดียวเท่านั้นที่ไม่ได้เป็นสมาชิกของ AU ซึ่งก็คือ โมร็อกโก องค์การนี้ก่อตั้งขึ้นในปี 2002 เพื่อแทนที่ องค์การเอกภาพแอฟริกา (Organization of African Unity ใช้อักษรย่อว่า OAU) สำนักงานเลขาธิการของ AU ตั้งอยู่ในกรุงแอดดิสอาบาบา ประเทศเอธิโอเปีย (ข้อมูลจาก Wikipedia)
*3*กองบัญชาการทหารสหรัฐฯภาคแอฟริกา (United States Africa Command ใช้อักษรย่อว่า AFRICOM) ก่อตั้งขึ้นในปี 2007 โดยมีฐานะเป็น 1 ใน 9 กองบัญชาการหน่วยสู้รบร่วม (Unified Combatant Commands) ของสหรัฐฯ กองบัญชาการทหารสหรัฐฯภาคแอฟริกา ตั้งกองบัญชาการอยู่ที่ค่ายเคลลีย์ แบร์รัคส์ (Kelley Barracks) เมืองสตุ๊ตการ์ต ประเทศเยอรมนี มีหน้าที่รับผิดชอบในเรื่องการปฏิบัติการทางทหารและความสัมพันธ์ทางทหารของสหรัฐฯ ในทวีปแอฟริกาทั้งหมด ยกเว้นประเทศ อียิปต์ ที่เป็นความรับผิดชอบของ กองบัญชาการทหารสหรัฐฯภาคกลาง (United States Africa Command ใช้อักษรย่อว่า CENTCOM) (ข้อมูลจาก Wikipedia)

เบรนดัน พี โอไรลีย์ เป็นนักเขียนและนักการศึกษาที่มาจากเมืองซีแอตเติล, สหรัฐอเมริกา แต่ปัจจุบันพำนักอยู่ในจีน เขาเป็นผู้เขียนหนังสือเรื่อง
The Transcendent Harmony

กำลังโหลดความคิดเห็น