(เก็บความจากเอเชียไทมส์ออนไลน์ www.atimes.com)
Murder and mystery among China’s elite
By Kent Ewing
13/08/2012
การพิจารณาคดีของ กู่ ไคไหล ในข้อหาฆ่านักธุรกิจชาวอังกฤษนาม นีล เฮย์วูด เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเมือง หาใช่เกี่ยวกับความยุติธรรมไม่ พรรคคอมมิวนิสต์จีนนั้นต้องการเหลือเกินที่จะปิดบัญชีกรณีอื้อฉาวนี้ซึ่งพาดพิงเกี่ยวข้องกับ ป๋อ ซีไหล สามีของ กู่ ที่ถูกปลดออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรคสาขาฉงชิ่ง และละครน้ำเน่านี้ที่แสดงกันในศาลเมืองเหอเฟยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ก็ถูกเขียนบทเตรียมเอาไว้ล่วงหน้า (รวมทั้งการแสดงความชื่นชมอย่างเคยๆ จากจำเลยเกี่ยวกับความเลอเลิศของระบบยุติธรรมจีน) เพียงเพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ยังมีเรื่องหนึ่งที่ยังชวนฉงน นั่นคือ ป๋อ ซีไหล หายไปไหน
ฮ่องกง – การพิจารณาคดีที่ กู่ ไคไหล ถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตกร ได้ข้อสรุปจบลงในวันเดียวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ด้วยการที่ภรรยาของ ป๋อ ซีไหล ซึ่งถูกปลดพ้นจากตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนสาขามหานครฉงชิ่งผู้นี้ ยอมรับสารภาพอย่างกระตือรือร้นว่าเป็นผู้สังหารนักธุรกิจชาวอังกฤษนาม นีล เฮย์วูด (Neil Heywood) จริงๆ แต่การที่เราจะเข้าอกเข้าใจความสำคัญของการพิจารณาคดีนี้ได้อย่างชัดเจน จำเป็นที่จะต้องปัดเป่าเอาม่านควันแห่งพิธีการต่างๆ ในห้องพิจารณาคดี ตลอดจนเรื่องราวเร้าอารมณ์เกี่ยวกับการตายของเฮย์วูดตามที่เล่าขานกัน ออกไปให้หมดเสียก่อน
การพิจารณาคดีของกู่ แท้ที่จริงแทบไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับตัวกู่เลย ยกเว้นแต่การที่เธอเป็นตัวแสดงตัวหนึ่งบนเวทีที่ทางพรรคจัดฉากเอาไว้เสร็จสรรพเรียบร้อยแล้ว มิหนำซ้ำการพิจารณาคดีคราวนี้ยังกลายเป็นละครองก์เดียวที่ถูกเขียนบทเอาไว้ล่วงหน้า โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะกันเอา ป๋อ และพรรคให้ออกมาห่างๆ ไม่ให้ถูกประณามใดๆ จากคดีนี้ ในช่วงก่อนหน้าที่จะมีการประชุมสมัชชาผู้แทนทั่วประเทศของพรรคในฤดูใบไม้ร่วงนี้ ซึ่งจะมีการวินิจฉัยตัดสินว่าใครบ้างที่จะได้อยู่ในคณะผู้นำจีนรุ่นต่อไป
ลงท้ายแล้ว การพิจารณาคดีของกู่ ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเมืองในจีน หาใช่เป็นเรื่องเกี่ยวกับความยุติธรรมไม่ และก็แทบไม่ได้ทำให้เกิดความเลื่อมใสศรัทธาขึ้นมาเลยไม่ว่าในการเมืองหรือในระบบยุติธรรมของแดนมังกร
รายละเอียดอันน่าตื่นใจเร้าอารมณ์เกี่ยวกับการฆาตกรรมคราวนี้ ที่ได้รับการเปิดเผยโดยสื่อมวลชนของทางการ (ยังไม่ต้องพูดถึงข่าวลือสะพัดและประดารายงานข่าวที่ไม่มีการยืนยันในสื่ออื่นๆ ซึ่งระบุว่า กู่ มีความสัมพันธ์สวาทกับเฮย์วูด) ถูกปล่อยออกมาเพื่อให้ทำหน้าที่หลอกล่อดึงดูดความสนใจ จะได้ไม่หันไปดูการกำจัดกวาดล้างกันทางการเมืองนั่นเอง
มีความเป็นไปได้อย่างสูงว่า ถ้าหาก ป๋อ ผู้ทะเยอทะยาน (ก่อนหน้าที่จะถูกปลดออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรคสาขาฉงชิ่งในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เขาแสดงท่าทีเปิดเผยชัดเจนว่าหมายปองตำแหน่งกรรมการประจำของคณะกรรมการกรมการเมืองพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งมีกันทั้งสิ้นเพียง 9 ตำแหน่ง และมีอำนาจมากมายมหาศาล) ไม่ได้สร้างความรู้สึกแปลกแยกกับประธานาธิบดีหู จิ่นเทา และสมาชิกคนอื่นๆ ในคณะผู้นำที่กำลังปกครองแดนมังกรแล้ว ก็คงจะไม่มีการพิจารณาคดีความผิดของกู่ ไม่ว่าเธอจะเป็นฆาตกรหรือไม่ก็ตามที
จนถึงขณะที่เขียนข้อเขียนชิ้นนี้ กู่ ผู้ซึ่งอยู่ในวัย 53 ปี และเป็นบุตรสาวของ กู่ จิงเฉิง (Gu Jingsheng) ผู้อาวุโสของพรรคที่เคยดำรงตำแหน่งสำคัญๆ ทางการทหารและในรัฐบาล ยังคงมิได้ถูกตัดสินกำหนดโทษที่จะได้รับ อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาจากการที่เธอให้ความร่วมมือกับทางการ เธอก็น่าจะได้รับการปฏิบัติอย่างผ่อนปรน โดยเป็นที่คาดหมายกันว่าเธอคงจะถูกตัดสินประหารชีวิตแต่ให้รอลงอาญาเอาไว้ก่อน
ใครเลยจะทราบได้ว่าข้อเท็จจริงที่เป็นจริงในคดีนี้เป็นอย่างไร แต่บทละครดังที่เล่นกันในห้องพิจารณาคดีของศาลเมืองเหอเฟย ในมณฑลทางภาคตะวันออกอย่างอานฮุย (ซึ่งอยู่ห่างประมาณ 1,300 กิโลเมตรจากห้องในโรงแรมแห่งหนึ่งของมหานครฉงชิ่ง ซึ่งถูกระบุว่าเป็นสถานที่ประกอบอาชญากรรมในวันที่ 13 พฤศจิกายนปีที่แล้ว) คราวนี้ ก็มีองค์ประกอบต่างๆอย่างครบถ้วนของมารยาชวนใหลหลงแห่งละครน้ำเน่า
ตามรายงานของสำนักข่าวซินหวาของทางการจีน ซึ่งเป็นสื่อมวลชนรายเดียวที่ได้รับอนุญาตให้รายงานข่าวการพิจารณาคดีคราวนี้ กู่มีความหวาดเกรงว่า เฮย์วูดผู้อยู่ในวัย 41 ปี จะทำอันตรายต่อ ป๋อ กัวกัว บุตรชายของเธอ หลังจากที่ ป๋อ กัวกัว ปฏิเสธไม่ยอมจ่ายเงินร่วมๆ 22 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯให้เขา จากข้อตกลงทางธุรกิจที่กลายเป็นความขัดใจหมางเมินกัน
รายงานระบุว่า เฮย์วูด ได้ส่งอีเมลไปถึง ป๋อ กัวกัว ผู้ซึ่งหนุ่มแน่นอยู่ในวัย 24 ปี และสำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยรัฐประศาสนศาสตร์เคนเนดี (Kennedy School of Government) ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานี้เอง นอกจากนั้นยังได้รับปริญญาอีกใบหนึ่งจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดอีกด้วย อีเมลดังกล่าวมีข้อความข่มขู่ว่าจะ “ทำลาย” ป๋อ กัวกัว ถ้าหากเขาไม่ยอมจ่ายเงินตามข้อเรียกร้อง
รายงานข่าวของซินหวาเดินเรื่องต่อไปว่า กู่ ได้ให้การต่อศาลว่า ด้วยความหวาดกลัวเกี่ยวกับความปลอดภัยของบุตรชายของเธอ บวกกับการที่เธอล้มป่วยด้วยโรคซึมเศร้าและโรคนอนไม่หลับ เธอก็ได้นัดหมายพบปะหารือกับ เฮย์วูด ที่ห้องพักโรงแรมในฉงชิ่งของเขา ซึ่งเธอพยายามชักจูงโน้มน้าวให้เขาดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปจำนวนมากจนกระทั่งเขาเมาหนักถึงขนาดอาเจียนออกมา จากนั้นจึงจัดการกรอกน้ำยาที่เป็นส่วนผสมของยาฆ่าหนูกับสารไซยาไนด์เข้าไปในปากของเขา
ตามรายงานของซินหวา กู่ให้การต่อไปว่า หลังจากนั้น เธอและ จาง เสี่ยวจุน (Zhang Xiaojun) ซึ่งทำงานเป็นคนรับใช้ให้ครอบครัวของเธอมายาวนาน และถูกฟ้องร้องเป็นจำเลยในคดีนี้ด้วย ก็นำเอายาเสพติดมาโปรยปรายไปทั่วห้อง เพื่อทำให้ดูเหมือนกับว่า เฮย์วูด เสียชีวิตเนื่องจากดื่มแอลกอฮอล์และเสพยาเกินขนาด
ในตอนนั้น ทางการผู้รับผิดชอบของฉงชิ่งประกาศว่า สาเหตุการเสียชีวิตของเฮย์วูดเนื่องมาจากอาการหัวใจวาย และศพของเขาก็ถูกฌาปนกิจไปอย่างรวดเร็วโดยที่มิได้มีการชันสูตรตรวจสอบ
“ดิฉันล้มป่วยด้วยอาการทางจิตไปเลย หลังจากทราบว่าบุตรชายของดิฉันกำลังตกอยู่ในอันตราย” ซินหวารายงานว่า กู่ ให้การเช่นนี้ต่อศาล และกล่าวต่อไปว่า “คดีนี้ได้สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงให้แก่พรรคและแก่ประเทศชาติ ซึ่งดิฉันควรที่จะแบกรับความรับผิดชอบในเรื่องนี้ และดิฉันไม่เคยรู้สึกสบายใจเลย ดิฉันรู้สึกเป็นพระคุณอย่างสูงสำหรับการดูแลอย่างมีมนุษยธรรมอย่างที่ดิฉันได้รับจากบรรดาผู้ที่รับผิดชอบดูแลคดีนี้อยู่
“ดิฉันขอเรียนให้ศาลทราบด้วยความเคารพว่า เพื่อธำรงรักษาเกียรติยศศักดิ์ศรีแห่งกฎหมาย ดิฉันยินดีที่จะรับโทษทัณฑ์ใดๆ ก็ตามด้วยความสงบ และดิฉันคาดหวังว่าศาลจะมีคำพิพากษาที่ยุติธรรมและถูกต้อง”
ทั้งหมดเหล่านี้ฟังแล้วช่างให้ความรู้สึกว่าเป็นถ้อยคำอันแสนถ่อมตัวและยึดมั่นกับความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ของผู้หญิงที่เคยทรงอิทธิพลสูงสุดในฉงชิ่ง ซึ่งเป็นมหานครทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศที่มีฐานะเทียบเท่ามณฑลโดยมีพื้นที่กว้างใหญ่และมีประชากร 29 ล้านคน เธอผู้นี้ไม่ใช่เป็นเพียงดอกไม้ดอกงามที่ปักอยู่บนปกคอเสื้อนอกของสามีผู้ทรงอำนาจของเธอเท่านั้น หากแต่เป็นผู้ที่เคยได้รับความยอมรับนับถือและความยกย่องอย่างกว้างขวาง ทั้งในฐานะของทนายความผู้ทะเยอทะยานและประสบความสำเร็จอย่างสูงส่ง และนักเขียนผู้มีส่วนเสี้ยวอันน่าประทับใจของตัวเธอเองในแวดวงแห่งวิถีชีวิตของชาวจีน
คราวนี้ ถ้าหากเราไม่เชื่อถือในบทละครที่เล่นกันไปตามบทบาทอย่างเคร่งครัดในเมืองเหอเฟยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เราก็คงต้องรู้สึกทะแม่งๆ จากการที่บุคคลผู้ที่เคยทรงอำนาจอิทธิพลอย่างเหลือล้นผู้นี้ กลับยินยอมน้อมรับเอาประดานักกฎหมายที่ไม่ได้มีชื่อเสียงอะไรแต่ได้รับการแต่งตั้งจากศาล ให้เข้ามาเป็นทีมทนายความแก้ต่างให้แก่เธอ แล้วจากนั้นเธอยังแสดงอาการหมอบราบคาบแก้วต่อข้อกล่าวหาที่ถูกฟ้องร้อง ด้วยการรับสารภาพว่าได้ “กระทำการฆาตกรรมโดยเจตนา” โดยที่มิได้เอ่ยปากแสดงการคัดค้านในทางกฎหมายแม้แต่นิดเดียว อีกทั้งยังแสดงความเชื่อมั่นศรัทธาอย่างสูงสุดในระบบกฎหมายของจีนด้วย
บางทีการกระทำเช่นนี้อาจจะทำให้มันกลายเป็นนิยายน้ำเน่าอย่างได้ผลน่าหลงใหล ทว่ามันก็ยังไม่สามารถที่จะชำระชะล้างความสกปรกในระดับอื่นๆ ให้หมดจดหมดสิ้นไปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราพิจารณาในประเด็นที่ว่า มีนายตำรวจอาวุโสของฉงชิ่ง 4 คนซึ่งยอมรับว่าได้ให้การช่วยเหลือ กู่ ในการปิดบังอำพรางความผิดของเธอที่ทำการสังหารเฮย์วูด มันยากที่จะเชื่อได้ว่านายตำรวจเหล่านี้จะเข้าเกี่ยวข้องในการปฏิบัติการแบบเหนือกฎหมายถึงขนาดนี้โดยที่ ป๋อ มิได้มีส่วนรู้เห็นเอาเลย และดังนั้นเราจึงย่อมต้องตั้งข้อสังเกตต่อไปว่าในระหว่างการพิจารณาคดีเป็นเวลา 7 ชั่วโมงคราวนี้ ไม่ได้มีการระบุเอ่ยอ้างถึง ป๋อ เอาเลย
นอกจากนั้นตามการแถลงคดีของคณะอัยการในคดีนี้ ก่อนที่จะตัดสินใจลงมือสังหารเฮย์วูด กู่ได้พยายามที่จะเกลี้ยกล่อมให้ หวัง ลี่จิว์น (Wang Lijun,) บุรุษผู้เป็นแขนขวาของสามีของเธอ ซึ่งในตอนนั้นดำรงตำแหน่งเป็นรองนายกเทศมนตรีและผู้บัญชาการตำรวจของมหานครฉงชิ่ง หาทางใส่ร้ายปรักปรำเฮย์วูดด้วยข้อหาค้ายาเสพติด รายงานข่าวระบุว่า หวัง ปฏิเสธไม่ยอมร่วมมือในแผนการดังกล่าว ทว่าหลังจากนั้นก็ได้รับการบอกกล่าวให้ทราบถึงแผนฆาตกรรมที่ติดตามมา
นี่ก็เป็นอีกครั้งที่ทำให้เกิดความกังขาขึ้นมาว่า ถ้าหากลูกน้องคนสนิทที่สุดของเขามีส่วนเกี่ยวข้องพัวพันกับคดีนี้ถึงขนาดนี้แล้ว มันจะไม่เป็นการเรียกร้องมากไปหน่อยหรือที่จะขอให้สาธารณชนยอมเชื่อตามอย่างเซื่องๆ ว่า ป๋อ นั้นไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้โดยสิ้นเชิง
หลังจากที่ดูเหมือนจะหมางเมินกับ ป๋อ แล้ว หวังก็ถูกปลดออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ และได้รับการแต่งตั้งให้ไปนั่งเก้าอี้ดูแลด้านสิ่งแวดล้อม, การศึกษา, และวิทยาศาสตร์ ซึ่งมีความสำคัญด้อยลงไปมาก อีก 4 วันต่อมา หวังก็ได้ไปเยือนสถานกงสุลสหรัฐฯในเมืองเฉิงตู เมืองหลวงของมณฑลเสฉวน ซึ่งอยู่ติดๆ กับ ฉงชิ่ง และอยู่ที่นั่นเป็นเวลา 24 ชั่วโมง โดยที่ผู้สังเกตการณ์จำนวนมากมองว่า นั่นคือความพยายามที่จะแปรพักตร์เอาใจออกหาก
อย่างไรก็ดี ไม่ว่า หวัง นำอะไรไปเสนอเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกับการขอไปลี้ภัยทางการเมืองในอเมริกาก็ตามที ปรากฏว่าทางการสหรัฐฯไม่เล่นด้วย หวังจึงถูกเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงควบคุมตัว เพียงไม่นานภายหลังที่เขากลับออกมาจากสถานกงสุล และตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีข่าวคราวใดๆ เกี่ยวกับตัวเขาอีกเลย
สิ่งที่เกิดตามมาก็คือ ในการบรรยายสรุปเป็นการภายในของพรรคครั้งหนึ่ง หู ได้ประณามหวังว่าเป็น “คนทรยศ” ต่อพรรคและต่อประเทศชาติ
เช่นเดียวกับกู่ เวลานี้หวังกำลังเฝ้ารอคำตัดสินชะตากรรมของเขาอยู่ในที่คุมขัง
แต่ในขณะเดียวกันนี้ ป๋อ ไปอยู่ที่ไหน และมีฐานะเป็นอย่างไรไปแล้ว นั่นเป็นเรื่องที่ไม่มีใครทราบ
นักการเมืองแนวทางประชานิยมวัย 63 ปี ซึ่งจักเป็นที่จดจำกันในเรื่องความพยายามที่จะอาศัยการณรงค์ต่อต้านอาชญากรรมและการฟื้นฟูลัทธิเหมาอิสต์ในฉงชิ่ง ตลอดจนเสน่ห์และอิทธิพลบารมีส่วนตัวอันมากมายมหาศาลของเขา เพื่อให้ได้ตำแหน่งในองค์กรทรงอำนาจสูงสุดของจีนผู้นี้ ไม่มีบุคคคลภายนอกได้พบเห็นหรือได้ยินข่าวคราวอีกเลย หลังจากที่เขาสูญเสียตำแหน่งเลขาธิการพรรคสาขาฉงชิ่ง และถูกแขวนตำแหน่งกรรมการในคณะกรรมการกรมการเมืองพรรคเมื่อ 5 เดือนที่ผ่านมา
อนาคตของเขาในเวลานี้อยู่ในกำมือของคณะกรรมการวินัยส่วนกลางของพรรค ซึ่งตั้งข้อหาเขาว่า “ละเมิดวินัยอย่างร้ายแรง” อันเป็นถ้อยคำที่ปกติหมายถึงการทุจริตคอร์รัปชั่น
แต่ถ้าหากการพิจารณาคดีของ กู่ จะสามารถเป็นเครื่องชี้บ่งอะไรได้บ้างแล้ว ป๋อก็น่าที่จะได้รับการปฏิบัติอย่างนุ่มนวลจากคณะผู้นำผู้ปกครองแดนมังกร ซึ่งไม่ต้องการที่จะเผยแพร่เรื่องราวการฟอกล้างความสกปรกให้มากมายเกินไปนัก ก่อนหน้าการประชุมสมัชชาพรรคทั่วประเทศในฤดูใบไม้ร่วงนี้ ซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงคณะผู้นำครั้งใหญ่ โดยที่กรรมการประจำในคณะกรรมการกรมการเมืองพรรคชุดปัจจุบัน จะมีถึง 7 คนจากจำนวนทั้งสิ้น 9 คนซึ่งจะอำลาตำแหน่ง
เป็นเพราะความทะเยอทะยานอย่างโจ่งแจ้งของ ป๋อ นั่นแหละที่ทำให้น่านน้ำทางการเมืองของจีนเกิดการกระเพื่อมปั่นป่วน แล้วจากนั้นการตกลงจากอำนาจอย่างโดดเด่นเตะตาของเขาอีกนั่นแหละที่ทำให้พวกเขาต้องวุ่นวายไปหมด ยิ่งเมื่อบวกกับคดีฆาตกรรมและแผนกโลบายที่พัวพันกับภรรยาของเขาตลอดจนนายตำรวจระดับสูงของฉงชิ่งเข้าไปด้วยแล้ว สิ่งที่คณะผู้นำจีนมีอยู่ในมือก็คือกรณีอื้อฉาวทางการเมืองครั้งเลวร้ายที่สุด นับตั้งแต่การลุกฮือเรียกร้องประชาธิปไตยจนนำไปสู่การปราบปรามพวกนักศึกษาในจัตุรัสเทียนอันเหมือนเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 1989
ในจุดนี้ เห็นได้อย่างชัดเจนว่าคณะผู้นำจีนย่อมต้องการที่จะปิดบัญชีเรื่องราวแสนอัปลักษณ์ของฉงชิ่งที่ยืดเยื้อมานานเต็มทีแล้ว และพยายามลดความเสียหายที่เกิดขึ้นกับชื่อเสียงเกียรติภูมิของพรรคและของประเทศชาติ จากนั้นก็ส่งมอบภาระหน้าที่ให้แก่คณะผู้นำรุ่นต่อไป
ถ้าหากคุณยังต้องการความจริงและความยุติธรรมแล้ว กรุณาไปมองหาที่อื่นเถอะ
เคนต์ อีวิ่ง เป็นอาจารย์สอนหนังสือและนักเขียน ซึ่งพำนักอยู่ในฮ่องกง สามารถติดต่อเขาทางอีเมล์ได้ที่ kewing56@gmail.com และติดตามเขาทางทวิตเตอร์ได้ที่ @KentEwing1
Murder and mystery among China’s elite
By Kent Ewing
13/08/2012
การพิจารณาคดีของ กู่ ไคไหล ในข้อหาฆ่านักธุรกิจชาวอังกฤษนาม นีล เฮย์วูด เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเมือง หาใช่เกี่ยวกับความยุติธรรมไม่ พรรคคอมมิวนิสต์จีนนั้นต้องการเหลือเกินที่จะปิดบัญชีกรณีอื้อฉาวนี้ซึ่งพาดพิงเกี่ยวข้องกับ ป๋อ ซีไหล สามีของ กู่ ที่ถูกปลดออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรคสาขาฉงชิ่ง และละครน้ำเน่านี้ที่แสดงกันในศาลเมืองเหอเฟยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ก็ถูกเขียนบทเตรียมเอาไว้ล่วงหน้า (รวมทั้งการแสดงความชื่นชมอย่างเคยๆ จากจำเลยเกี่ยวกับความเลอเลิศของระบบยุติธรรมจีน) เพียงเพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ยังมีเรื่องหนึ่งที่ยังชวนฉงน นั่นคือ ป๋อ ซีไหล หายไปไหน
ฮ่องกง – การพิจารณาคดีที่ กู่ ไคไหล ถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตกร ได้ข้อสรุปจบลงในวันเดียวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ด้วยการที่ภรรยาของ ป๋อ ซีไหล ซึ่งถูกปลดพ้นจากตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนสาขามหานครฉงชิ่งผู้นี้ ยอมรับสารภาพอย่างกระตือรือร้นว่าเป็นผู้สังหารนักธุรกิจชาวอังกฤษนาม นีล เฮย์วูด (Neil Heywood) จริงๆ แต่การที่เราจะเข้าอกเข้าใจความสำคัญของการพิจารณาคดีนี้ได้อย่างชัดเจน จำเป็นที่จะต้องปัดเป่าเอาม่านควันแห่งพิธีการต่างๆ ในห้องพิจารณาคดี ตลอดจนเรื่องราวเร้าอารมณ์เกี่ยวกับการตายของเฮย์วูดตามที่เล่าขานกัน ออกไปให้หมดเสียก่อน
การพิจารณาคดีของกู่ แท้ที่จริงแทบไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับตัวกู่เลย ยกเว้นแต่การที่เธอเป็นตัวแสดงตัวหนึ่งบนเวทีที่ทางพรรคจัดฉากเอาไว้เสร็จสรรพเรียบร้อยแล้ว มิหนำซ้ำการพิจารณาคดีคราวนี้ยังกลายเป็นละครองก์เดียวที่ถูกเขียนบทเอาไว้ล่วงหน้า โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะกันเอา ป๋อ และพรรคให้ออกมาห่างๆ ไม่ให้ถูกประณามใดๆ จากคดีนี้ ในช่วงก่อนหน้าที่จะมีการประชุมสมัชชาผู้แทนทั่วประเทศของพรรคในฤดูใบไม้ร่วงนี้ ซึ่งจะมีการวินิจฉัยตัดสินว่าใครบ้างที่จะได้อยู่ในคณะผู้นำจีนรุ่นต่อไป
ลงท้ายแล้ว การพิจารณาคดีของกู่ ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเมืองในจีน หาใช่เป็นเรื่องเกี่ยวกับความยุติธรรมไม่ และก็แทบไม่ได้ทำให้เกิดความเลื่อมใสศรัทธาขึ้นมาเลยไม่ว่าในการเมืองหรือในระบบยุติธรรมของแดนมังกร
รายละเอียดอันน่าตื่นใจเร้าอารมณ์เกี่ยวกับการฆาตกรรมคราวนี้ ที่ได้รับการเปิดเผยโดยสื่อมวลชนของทางการ (ยังไม่ต้องพูดถึงข่าวลือสะพัดและประดารายงานข่าวที่ไม่มีการยืนยันในสื่ออื่นๆ ซึ่งระบุว่า กู่ มีความสัมพันธ์สวาทกับเฮย์วูด) ถูกปล่อยออกมาเพื่อให้ทำหน้าที่หลอกล่อดึงดูดความสนใจ จะได้ไม่หันไปดูการกำจัดกวาดล้างกันทางการเมืองนั่นเอง
มีความเป็นไปได้อย่างสูงว่า ถ้าหาก ป๋อ ผู้ทะเยอทะยาน (ก่อนหน้าที่จะถูกปลดออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรคสาขาฉงชิ่งในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เขาแสดงท่าทีเปิดเผยชัดเจนว่าหมายปองตำแหน่งกรรมการประจำของคณะกรรมการกรมการเมืองพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งมีกันทั้งสิ้นเพียง 9 ตำแหน่ง และมีอำนาจมากมายมหาศาล) ไม่ได้สร้างความรู้สึกแปลกแยกกับประธานาธิบดีหู จิ่นเทา และสมาชิกคนอื่นๆ ในคณะผู้นำที่กำลังปกครองแดนมังกรแล้ว ก็คงจะไม่มีการพิจารณาคดีความผิดของกู่ ไม่ว่าเธอจะเป็นฆาตกรหรือไม่ก็ตามที
จนถึงขณะที่เขียนข้อเขียนชิ้นนี้ กู่ ผู้ซึ่งอยู่ในวัย 53 ปี และเป็นบุตรสาวของ กู่ จิงเฉิง (Gu Jingsheng) ผู้อาวุโสของพรรคที่เคยดำรงตำแหน่งสำคัญๆ ทางการทหารและในรัฐบาล ยังคงมิได้ถูกตัดสินกำหนดโทษที่จะได้รับ อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาจากการที่เธอให้ความร่วมมือกับทางการ เธอก็น่าจะได้รับการปฏิบัติอย่างผ่อนปรน โดยเป็นที่คาดหมายกันว่าเธอคงจะถูกตัดสินประหารชีวิตแต่ให้รอลงอาญาเอาไว้ก่อน
ใครเลยจะทราบได้ว่าข้อเท็จจริงที่เป็นจริงในคดีนี้เป็นอย่างไร แต่บทละครดังที่เล่นกันในห้องพิจารณาคดีของศาลเมืองเหอเฟย ในมณฑลทางภาคตะวันออกอย่างอานฮุย (ซึ่งอยู่ห่างประมาณ 1,300 กิโลเมตรจากห้องในโรงแรมแห่งหนึ่งของมหานครฉงชิ่ง ซึ่งถูกระบุว่าเป็นสถานที่ประกอบอาชญากรรมในวันที่ 13 พฤศจิกายนปีที่แล้ว) คราวนี้ ก็มีองค์ประกอบต่างๆอย่างครบถ้วนของมารยาชวนใหลหลงแห่งละครน้ำเน่า
ตามรายงานของสำนักข่าวซินหวาของทางการจีน ซึ่งเป็นสื่อมวลชนรายเดียวที่ได้รับอนุญาตให้รายงานข่าวการพิจารณาคดีคราวนี้ กู่มีความหวาดเกรงว่า เฮย์วูดผู้อยู่ในวัย 41 ปี จะทำอันตรายต่อ ป๋อ กัวกัว บุตรชายของเธอ หลังจากที่ ป๋อ กัวกัว ปฏิเสธไม่ยอมจ่ายเงินร่วมๆ 22 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯให้เขา จากข้อตกลงทางธุรกิจที่กลายเป็นความขัดใจหมางเมินกัน
รายงานระบุว่า เฮย์วูด ได้ส่งอีเมลไปถึง ป๋อ กัวกัว ผู้ซึ่งหนุ่มแน่นอยู่ในวัย 24 ปี และสำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยรัฐประศาสนศาสตร์เคนเนดี (Kennedy School of Government) ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานี้เอง นอกจากนั้นยังได้รับปริญญาอีกใบหนึ่งจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดอีกด้วย อีเมลดังกล่าวมีข้อความข่มขู่ว่าจะ “ทำลาย” ป๋อ กัวกัว ถ้าหากเขาไม่ยอมจ่ายเงินตามข้อเรียกร้อง
รายงานข่าวของซินหวาเดินเรื่องต่อไปว่า กู่ ได้ให้การต่อศาลว่า ด้วยความหวาดกลัวเกี่ยวกับความปลอดภัยของบุตรชายของเธอ บวกกับการที่เธอล้มป่วยด้วยโรคซึมเศร้าและโรคนอนไม่หลับ เธอก็ได้นัดหมายพบปะหารือกับ เฮย์วูด ที่ห้องพักโรงแรมในฉงชิ่งของเขา ซึ่งเธอพยายามชักจูงโน้มน้าวให้เขาดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปจำนวนมากจนกระทั่งเขาเมาหนักถึงขนาดอาเจียนออกมา จากนั้นจึงจัดการกรอกน้ำยาที่เป็นส่วนผสมของยาฆ่าหนูกับสารไซยาไนด์เข้าไปในปากของเขา
ตามรายงานของซินหวา กู่ให้การต่อไปว่า หลังจากนั้น เธอและ จาง เสี่ยวจุน (Zhang Xiaojun) ซึ่งทำงานเป็นคนรับใช้ให้ครอบครัวของเธอมายาวนาน และถูกฟ้องร้องเป็นจำเลยในคดีนี้ด้วย ก็นำเอายาเสพติดมาโปรยปรายไปทั่วห้อง เพื่อทำให้ดูเหมือนกับว่า เฮย์วูด เสียชีวิตเนื่องจากดื่มแอลกอฮอล์และเสพยาเกินขนาด
ในตอนนั้น ทางการผู้รับผิดชอบของฉงชิ่งประกาศว่า สาเหตุการเสียชีวิตของเฮย์วูดเนื่องมาจากอาการหัวใจวาย และศพของเขาก็ถูกฌาปนกิจไปอย่างรวดเร็วโดยที่มิได้มีการชันสูตรตรวจสอบ
“ดิฉันล้มป่วยด้วยอาการทางจิตไปเลย หลังจากทราบว่าบุตรชายของดิฉันกำลังตกอยู่ในอันตราย” ซินหวารายงานว่า กู่ ให้การเช่นนี้ต่อศาล และกล่าวต่อไปว่า “คดีนี้ได้สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงให้แก่พรรคและแก่ประเทศชาติ ซึ่งดิฉันควรที่จะแบกรับความรับผิดชอบในเรื่องนี้ และดิฉันไม่เคยรู้สึกสบายใจเลย ดิฉันรู้สึกเป็นพระคุณอย่างสูงสำหรับการดูแลอย่างมีมนุษยธรรมอย่างที่ดิฉันได้รับจากบรรดาผู้ที่รับผิดชอบดูแลคดีนี้อยู่
“ดิฉันขอเรียนให้ศาลทราบด้วยความเคารพว่า เพื่อธำรงรักษาเกียรติยศศักดิ์ศรีแห่งกฎหมาย ดิฉันยินดีที่จะรับโทษทัณฑ์ใดๆ ก็ตามด้วยความสงบ และดิฉันคาดหวังว่าศาลจะมีคำพิพากษาที่ยุติธรรมและถูกต้อง”
ทั้งหมดเหล่านี้ฟังแล้วช่างให้ความรู้สึกว่าเป็นถ้อยคำอันแสนถ่อมตัวและยึดมั่นกับความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ของผู้หญิงที่เคยทรงอิทธิพลสูงสุดในฉงชิ่ง ซึ่งเป็นมหานครทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศที่มีฐานะเทียบเท่ามณฑลโดยมีพื้นที่กว้างใหญ่และมีประชากร 29 ล้านคน เธอผู้นี้ไม่ใช่เป็นเพียงดอกไม้ดอกงามที่ปักอยู่บนปกคอเสื้อนอกของสามีผู้ทรงอำนาจของเธอเท่านั้น หากแต่เป็นผู้ที่เคยได้รับความยอมรับนับถือและความยกย่องอย่างกว้างขวาง ทั้งในฐานะของทนายความผู้ทะเยอทะยานและประสบความสำเร็จอย่างสูงส่ง และนักเขียนผู้มีส่วนเสี้ยวอันน่าประทับใจของตัวเธอเองในแวดวงแห่งวิถีชีวิตของชาวจีน
คราวนี้ ถ้าหากเราไม่เชื่อถือในบทละครที่เล่นกันไปตามบทบาทอย่างเคร่งครัดในเมืองเหอเฟยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เราก็คงต้องรู้สึกทะแม่งๆ จากการที่บุคคลผู้ที่เคยทรงอำนาจอิทธิพลอย่างเหลือล้นผู้นี้ กลับยินยอมน้อมรับเอาประดานักกฎหมายที่ไม่ได้มีชื่อเสียงอะไรแต่ได้รับการแต่งตั้งจากศาล ให้เข้ามาเป็นทีมทนายความแก้ต่างให้แก่เธอ แล้วจากนั้นเธอยังแสดงอาการหมอบราบคาบแก้วต่อข้อกล่าวหาที่ถูกฟ้องร้อง ด้วยการรับสารภาพว่าได้ “กระทำการฆาตกรรมโดยเจตนา” โดยที่มิได้เอ่ยปากแสดงการคัดค้านในทางกฎหมายแม้แต่นิดเดียว อีกทั้งยังแสดงความเชื่อมั่นศรัทธาอย่างสูงสุดในระบบกฎหมายของจีนด้วย
บางทีการกระทำเช่นนี้อาจจะทำให้มันกลายเป็นนิยายน้ำเน่าอย่างได้ผลน่าหลงใหล ทว่ามันก็ยังไม่สามารถที่จะชำระชะล้างความสกปรกในระดับอื่นๆ ให้หมดจดหมดสิ้นไปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราพิจารณาในประเด็นที่ว่า มีนายตำรวจอาวุโสของฉงชิ่ง 4 คนซึ่งยอมรับว่าได้ให้การช่วยเหลือ กู่ ในการปิดบังอำพรางความผิดของเธอที่ทำการสังหารเฮย์วูด มันยากที่จะเชื่อได้ว่านายตำรวจเหล่านี้จะเข้าเกี่ยวข้องในการปฏิบัติการแบบเหนือกฎหมายถึงขนาดนี้โดยที่ ป๋อ มิได้มีส่วนรู้เห็นเอาเลย และดังนั้นเราจึงย่อมต้องตั้งข้อสังเกตต่อไปว่าในระหว่างการพิจารณาคดีเป็นเวลา 7 ชั่วโมงคราวนี้ ไม่ได้มีการระบุเอ่ยอ้างถึง ป๋อ เอาเลย
นอกจากนั้นตามการแถลงคดีของคณะอัยการในคดีนี้ ก่อนที่จะตัดสินใจลงมือสังหารเฮย์วูด กู่ได้พยายามที่จะเกลี้ยกล่อมให้ หวัง ลี่จิว์น (Wang Lijun,) บุรุษผู้เป็นแขนขวาของสามีของเธอ ซึ่งในตอนนั้นดำรงตำแหน่งเป็นรองนายกเทศมนตรีและผู้บัญชาการตำรวจของมหานครฉงชิ่ง หาทางใส่ร้ายปรักปรำเฮย์วูดด้วยข้อหาค้ายาเสพติด รายงานข่าวระบุว่า หวัง ปฏิเสธไม่ยอมร่วมมือในแผนการดังกล่าว ทว่าหลังจากนั้นก็ได้รับการบอกกล่าวให้ทราบถึงแผนฆาตกรรมที่ติดตามมา
นี่ก็เป็นอีกครั้งที่ทำให้เกิดความกังขาขึ้นมาว่า ถ้าหากลูกน้องคนสนิทที่สุดของเขามีส่วนเกี่ยวข้องพัวพันกับคดีนี้ถึงขนาดนี้แล้ว มันจะไม่เป็นการเรียกร้องมากไปหน่อยหรือที่จะขอให้สาธารณชนยอมเชื่อตามอย่างเซื่องๆ ว่า ป๋อ นั้นไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้โดยสิ้นเชิง
หลังจากที่ดูเหมือนจะหมางเมินกับ ป๋อ แล้ว หวังก็ถูกปลดออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ และได้รับการแต่งตั้งให้ไปนั่งเก้าอี้ดูแลด้านสิ่งแวดล้อม, การศึกษา, และวิทยาศาสตร์ ซึ่งมีความสำคัญด้อยลงไปมาก อีก 4 วันต่อมา หวังก็ได้ไปเยือนสถานกงสุลสหรัฐฯในเมืองเฉิงตู เมืองหลวงของมณฑลเสฉวน ซึ่งอยู่ติดๆ กับ ฉงชิ่ง และอยู่ที่นั่นเป็นเวลา 24 ชั่วโมง โดยที่ผู้สังเกตการณ์จำนวนมากมองว่า นั่นคือความพยายามที่จะแปรพักตร์เอาใจออกหาก
อย่างไรก็ดี ไม่ว่า หวัง นำอะไรไปเสนอเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกับการขอไปลี้ภัยทางการเมืองในอเมริกาก็ตามที ปรากฏว่าทางการสหรัฐฯไม่เล่นด้วย หวังจึงถูกเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงควบคุมตัว เพียงไม่นานภายหลังที่เขากลับออกมาจากสถานกงสุล และตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีข่าวคราวใดๆ เกี่ยวกับตัวเขาอีกเลย
สิ่งที่เกิดตามมาก็คือ ในการบรรยายสรุปเป็นการภายในของพรรคครั้งหนึ่ง หู ได้ประณามหวังว่าเป็น “คนทรยศ” ต่อพรรคและต่อประเทศชาติ
เช่นเดียวกับกู่ เวลานี้หวังกำลังเฝ้ารอคำตัดสินชะตากรรมของเขาอยู่ในที่คุมขัง
แต่ในขณะเดียวกันนี้ ป๋อ ไปอยู่ที่ไหน และมีฐานะเป็นอย่างไรไปแล้ว นั่นเป็นเรื่องที่ไม่มีใครทราบ
นักการเมืองแนวทางประชานิยมวัย 63 ปี ซึ่งจักเป็นที่จดจำกันในเรื่องความพยายามที่จะอาศัยการณรงค์ต่อต้านอาชญากรรมและการฟื้นฟูลัทธิเหมาอิสต์ในฉงชิ่ง ตลอดจนเสน่ห์และอิทธิพลบารมีส่วนตัวอันมากมายมหาศาลของเขา เพื่อให้ได้ตำแหน่งในองค์กรทรงอำนาจสูงสุดของจีนผู้นี้ ไม่มีบุคคคลภายนอกได้พบเห็นหรือได้ยินข่าวคราวอีกเลย หลังจากที่เขาสูญเสียตำแหน่งเลขาธิการพรรคสาขาฉงชิ่ง และถูกแขวนตำแหน่งกรรมการในคณะกรรมการกรมการเมืองพรรคเมื่อ 5 เดือนที่ผ่านมา
อนาคตของเขาในเวลานี้อยู่ในกำมือของคณะกรรมการวินัยส่วนกลางของพรรค ซึ่งตั้งข้อหาเขาว่า “ละเมิดวินัยอย่างร้ายแรง” อันเป็นถ้อยคำที่ปกติหมายถึงการทุจริตคอร์รัปชั่น
แต่ถ้าหากการพิจารณาคดีของ กู่ จะสามารถเป็นเครื่องชี้บ่งอะไรได้บ้างแล้ว ป๋อก็น่าที่จะได้รับการปฏิบัติอย่างนุ่มนวลจากคณะผู้นำผู้ปกครองแดนมังกร ซึ่งไม่ต้องการที่จะเผยแพร่เรื่องราวการฟอกล้างความสกปรกให้มากมายเกินไปนัก ก่อนหน้าการประชุมสมัชชาพรรคทั่วประเทศในฤดูใบไม้ร่วงนี้ ซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงคณะผู้นำครั้งใหญ่ โดยที่กรรมการประจำในคณะกรรมการกรมการเมืองพรรคชุดปัจจุบัน จะมีถึง 7 คนจากจำนวนทั้งสิ้น 9 คนซึ่งจะอำลาตำแหน่ง
เป็นเพราะความทะเยอทะยานอย่างโจ่งแจ้งของ ป๋อ นั่นแหละที่ทำให้น่านน้ำทางการเมืองของจีนเกิดการกระเพื่อมปั่นป่วน แล้วจากนั้นการตกลงจากอำนาจอย่างโดดเด่นเตะตาของเขาอีกนั่นแหละที่ทำให้พวกเขาต้องวุ่นวายไปหมด ยิ่งเมื่อบวกกับคดีฆาตกรรมและแผนกโลบายที่พัวพันกับภรรยาของเขาตลอดจนนายตำรวจระดับสูงของฉงชิ่งเข้าไปด้วยแล้ว สิ่งที่คณะผู้นำจีนมีอยู่ในมือก็คือกรณีอื้อฉาวทางการเมืองครั้งเลวร้ายที่สุด นับตั้งแต่การลุกฮือเรียกร้องประชาธิปไตยจนนำไปสู่การปราบปรามพวกนักศึกษาในจัตุรัสเทียนอันเหมือนเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 1989
ในจุดนี้ เห็นได้อย่างชัดเจนว่าคณะผู้นำจีนย่อมต้องการที่จะปิดบัญชีเรื่องราวแสนอัปลักษณ์ของฉงชิ่งที่ยืดเยื้อมานานเต็มทีแล้ว และพยายามลดความเสียหายที่เกิดขึ้นกับชื่อเสียงเกียรติภูมิของพรรคและของประเทศชาติ จากนั้นก็ส่งมอบภาระหน้าที่ให้แก่คณะผู้นำรุ่นต่อไป
ถ้าหากคุณยังต้องการความจริงและความยุติธรรมแล้ว กรุณาไปมองหาที่อื่นเถอะ
เคนต์ อีวิ่ง เป็นอาจารย์สอนหนังสือและนักเขียน ซึ่งพำนักอยู่ในฮ่องกง สามารถติดต่อเขาทางอีเมล์ได้ที่ kewing56@gmail.com และติดตามเขาทางทวิตเตอร์ได้ที่ @KentEwing1