เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์- “แบงก์ ออฟ อิงแลนด์”หรือธนาคารกลางอังกฤษประกาศหั่นตัวเลขคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในปีนี้ลงเหลือ “เฉียด 0 เปอร์เซ็นต์”ลดลงจากการประเมินเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาที่ทางธนาคารกลางเมืองผู้ดีคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจะเติบโตได้ที่ 0.8 เปอร์เซ็นต์
การประกาศปรับลดเป้าการเติบโตทางเศรษฐกิจเหลือใกล้เคียงกับ 0 เปอร์เซ็นต์ในวันนี้ (8) ซึ่งหมายถึงความเป็นไปได้ที่อังกฤษอาจแทบไม่มีการเติบโตเลยในปีนี้ เป็นการบ่งชี้ว่าปัญหาความซบเซาทางเศรษฐกิจภายใน รวมถึงวิกฤตด้านการเงินและหนี้สินของกลุ่มยูโรโซน ซึ่งเป็นปัจจัยจากภายนอกประเทศ ที่อังกฤษกำลังเผชิญอยู่นั้นมีความร้ายแรงและสร้างผลกระทบยาวนานกว่าที่ประเมินไว้
ขณะเดียวกันรายงานฉบับดังกล่าวยังระบุว่า ในช่วง 2 ปีนับจากนี้ เศรษฐกิจโดยรวมของอังกฤษอาจมีการเติบโตได้เพียงแค่ 2 เปอร์เซ็นต์ต่อปีหรืออาจต่ำกว่านั้น ซึ่งก็เป็นตัวเลขที่ลดลงจากเมื่อ 3 เดือนก่อนที่ระบุ อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วง 2013-2014 น่าจะอยู่ที่ราว 2.67 เปอร์เซ็นต์ต่อปี
ด้านเซอร์ เมอร์วีน คิง ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ ออกมายอมรับว่า จากภาวะเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ อาจหมายความว่า อาจจำเป็นต้องมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ๆเพิ่มเติมอีกในเร็วๆนี้ ซึ่งอาจรวมถึงการที่แบงก์ ออฟ อิงแลนด์ อาจต้องเข้าไปรับซื้อพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษเพิ่มอีกกว่า 50,000 ล้านปอนด์ (ราว 2.5 ล้านล้านบาท) ในช่วง 4 เดือนข้างหน้า ซึ่งเท่ากับยอดรวมการรับซื้อพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษ ของทางธนาคารกลางได้พุ่งสูงกว่า 375,000 ล้านปอนด์ (ราว 18.5 ล้านล้านบาท)
อย่างไรก็ดี เซอร์ คิง ยอมรับว่า อาจมีความเป็นไปได้ที่ทางธนาคารกลางอังกฤษ อาจจำเป็นต้องสั่งพิมพ์ธนบัตรเพิ่ม ซึ่งน่าจะเป็นมาตรการที่ได้ผลในการกระตุ้นเศรษฐกิจมากกว่าการตัดลดอัตราดอกเบี้ยซึ่งต่ำเตี้ยติดดินที่ 0.5 เปอร์เซ็นต์ในขณะนี้ลงอีก โดยให้เหตุผลว่า การแก้ปัญหาด้วยการลดอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำลงอีก จะสร้างความเสียหายแก่สถาบันการเงินหลายแห่งในประเทศ