เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-กระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐนิการากัว ตัดชื่อพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทยที่อยู่ระหว่างหลบหนีคดีทุจริตในต่างแดน ออกจากรายชื่อนักลงทุนในโครงการ “เมกะโปรเจ็กต์” ขุด “คลองนิการากัว” มูลค่า 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 950,395ล้านบาท) ถือเป็นการส่งสัญญาณว่ารัฐบาลนิการากัวอาจเริ่มไม่ปลื้ม และอาจมีการยกเลิกหนังสือเดินทางที่มอบให้อดีตผู้นำรัฐบาลไทยรายนี้ตั้งแต่เมื่อช่วงปี 2009
รายงานข่าวจากกรุงมานากัว เมืองหลวงของนิการากัวระบุว่า นายมานูเอล โกโรเนล เคาต์ซ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐนิการากัว ออกมาเปิดเผยรายชื่อนักลงทุนต่างประเทศที่เตรียมเข้ามาร่วมลงทุนกับทางรัฐบาลเพื่อสร้างเส้นทางเดินเรือระหว่างประเทศสายใหม่ คือ คลองนิการากัวความยาว 200 กิโลเมตรเชื่อมระหว่างมหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรแอตแลนติกเข้าด้วยกัน หวังเป็นคู่แข่งกับ “คลองปานามา” ที่อยู่ในประเทศปานามา เพื่อนบ้านร่วมภูมิภาคอเมริกากลาง
โดยทางกระทรวงต่างประเทศนิการากัวไม่ใส่ชื่อพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทยเข้าไปด้วย ทั้งที่พ.ต.ท.ทักษิณได้รับมอบหมายจากประธานาธิบดีดาเนียล ออร์เตกา ซาเบดราให้ทำหน้าที่ “ทูตพิเศษด้านการลงทุน” ของรัฐบาลนิการากัวมาตั้งแต่ช่วงกลางปี 2009 หลังจากมีการออกหนังสือเดินทางนิการากัวให้ในเดือนมกราคมปีเดียวกัน
“มหามิตรของเราจากรัสเซีย สาธารณรัฐประชาชนจีน บราซิล เวเนซุเอลา ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ได้แสดงถึงความจริงใจต่อชาวนิการากัว และจะได้รับโอกาสเข้ามาร่วมลงทุนกับรัฐบาลของเรา ในการผลักดันโครงการสร้างคลองนิการากัวให้กลายเป็นความจริง” มานูเอล โกโรเนล เคาต์ซ กล่าวที่เมืองหลวง โดยไม่มีการเปิดเผยชื่อนักธุรกิจจาก 6ประเทศดังกล่าวว่ามีใครบ้าง
ท่าทีล่าสุดของกระทรวงต่างประเทศนิการากัวทำให้หลายฝ่ายรวมถึงเปโดร โฆอากิง ชามอร์โร สมาชิกรัฐสภาฝ่ายค้านตั้งข้อสังเกตว่า อาจมีความเป็นไปได้ที่พ.ต.ท.ทักษิณอาจกระทำการบางอย่างซึ่งสร้างความไม่พอใจแก่ประธานาธิบดีออร์เตกา วัย 66ปี เนื่องจากก่อนหน้านี้เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า อดีตนายกรัฐมนตรีของไทยรายนี้เป็น “ชาวต่างชาติ”ที่ออร์เตกาไว้วางใจมากที่สุดถึงขั้นมอบตำแหน่ง เอกอัครราชทูตด้านการลงทุน ให้เป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศ
ทั้งนี้ รัฐบาลนิการากัวคาดหวังว่าหากโครงการขุดคลองนิการากัวแล้วเสร็จ และสามารถเปิดใช้บริการได้นับตั้งแต่ปี ค.ศ.2019 เป็นต้นไป จะช่วยนำเม็ดเงินจำนวนมหาศาลเข้าประเทศ และจะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวนิการากัวกว่า 5.9 ล้านคนทั่วประเทศดีขึ้นกว่าในขณะนี้ ซึ่งราวครึ่งหนึ่งมีฐานะยากจน ขณะที่สมาชิกรัฐสภานิการากัวซึ่งมีกลุ่มการเมือง “ซานดินิสตา” ของออร์เตกาครองเสียงข้างมาก ก็ได้ให้ความเห็นชอบต่อโครงการขุดคลองดังกล่าวด้วยคะแนนเสียงถล่มทลายไปเมื่อไม่นานมานี้