อิสลามิสต์มาลีทำลายโบราณสถาน “ทิมบุคตู” อ้างแก้แค้นยูเนสโก

เอเอฟพี - กลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์ในมาลีใช้ขวานบุกทำลายสุสานนักบุญมุสลิม ในเขตโบราณสถานมรดกโลกทิมบุคตู เมื่อวานนี้ (30) จนทำให้นานาชาติออกมาประณามพฤติกรรมก้าวร้าวดังกล่าว

การทำลายโบราณสถานทิมบุคตูเกิดขึ้นท่ามกลางเหตุวุ่นวายทางตอนเหนือของมาลีที่ยืดเยื้อมานานกว่า 3 เดือน ขณะที่หลายฝ่ายเกรงว่าบริเวณดังกล่าวจะหลายเป็นแหล่งซ่องสุมนักรบหัวรุนแรงแห่งใหม่ในแอฟริกาตะวันตก

กลุ่มอันซาร์ดีนซึ่งเป็นเครือข่ายอัลกออิดะห์ ประกาศใช้กฎหมายชารีอะห์อย่างเข้มงวด หลังฉวยโอกาสช่วงที่เกิดการรัฐประหารในกรุงบามาโกเมื่อวันที่ 22 มีนาคม แผ่อิทธิพลครอบครองพื้นที่ตอนเหนือของมาลีได้สำเร็จ

แหล่งข่าวใกล้ชิดอิมามในเมืองทิมบุคตู ซึ่งได้สมญานามว่า “นครแห่งนักบุญ 333 องค์” กล่าวว่า “วันนี้พวกเขาบุกทำลายทิมบุคตู นี่มันอาชญากรรมชัดๆ”

พยานผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า กลุ่มอิสลามิสต์ซึ่งต่อต้านการสร้างสถูปหรือรูปปั้นบูชาทุกประเภท ได้เข้าไปทำลายสุสานของนักบุญซิดีมะห์มูด, นักบุญซิดีม็อกตาร์ และนักบุญอัลฟาโมยา

เว็บไซต์องค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ระบุว่า ทิมบุคตูนอกจากจะเป็นที่ตั้งของมัสยิดโบราณ 3 แห่งแล้ว ยังมีสถานที่ปลงศพและสุสานเก่าแก่อยู่อีก 16 แห่ง

อลิซซานดรา คัมมินส์ ประธานบอร์ดบริหารยูเนสโก ออกแถลงการณ์ระหว่างการประชุมที่รัสเซียสัปดาห์นี้ว่า การโจมตีโบราณสถานทิมบุคตูถือเป็น “การทำลายโดยขาดความยับยั้งชั่งใจ”

“ดิฉันขอร้องให้ทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวพันกับความขัดแย้งในทิมบุคตู โปรดแสดงความรับผิดชอบ และโปรดรักษามรดกเหล่านี้ไว้เพื่อประโยชน์ของลูกหลาน”

สิ่งที่เกิดขึ้นกับทิมบุคตูไม่ต่างจากการระเบิดพระพุทธรูปขนาดใหญ่แห่งหุบเขาบามิยันในอัฟกานิสถาน เมื่อเดือนมีนาคม ปี 2001 หลังรัฐบาลตอลิบานตัดสินว่า พระพุทธรูปซึ่งเป็นหนึ่งในมรดกโลกบนเส้นทางสายไหม ขัดต่อหลักศาสนาอิสลาม

โฆษกกลุ่มอันซาร์ดีนแถลงว่า พวกเขาต้องการตอบโต้ประกาศของยูเนสโกเมื่อวันพฤหัสบดี(28) ที่กำหนดให้ทิมบุคตูเป็นหนึ่งในมรดกโลกที่เสี่ยงต่อการถูกทำลาย

“พระเจ้าทรงเป็นหนึ่งเดียว โบราณสถานทั้งหมดนี่เป็นหะรอม (สิ่งต้องห้ามในศาสนาอิสลาม) พวกเราเป็นมุสลิม แล้วยูเนสโกเป็นอะไร” โฆษกเผย พร้อมระบุว่า อันซาร์ดีนกระทำในนามของพระเจ้า