ผลสำรวจเผย “วัยรุ่นมะกัน” ขอเจอเพื่อนตัวเป็นๆ ดีกว่าเล่น “เฟซบุ๊ก”

เอเอฟพี - วัยรุ่นอเมริกันกว่าครึ่งหนึ่งขอใช้เวลากับเพื่อนฝูงในชีวิตจริงมากกว่าคุยผ่านสังคมออนไลน์ ผลสำรวจความคิดเห็นซึ่งเผยแพร่วันนี้ (26) ระบุ

9 ใน 10 ของวัยรุ่นอเมริกันอายุระหว่าง 13-17 ปี ซึ่งตอบแบบสำรวจของสถาบันคอมมอน เซนส์ มีเดีย ในซานฟรานซิสโก ยอมรับว่าพวกเขาเป็นสมาชิกเครือข่ายสังคมออนไลน์อย่างใดอย่างหนึ่งอยู่

ร้อยละ 75 มีบัญชีเครือข่ายเป็นของตนเอง โดยเฟซบุ๊กยังคงเป็นสื่อที่ได้รับความนิยมสูงสุด ขณะที่ร้อยละ 51 บอกว่าเข้าไปเช็กสถานะในเพจของตัวเองอย่างน้อยวันละครั้ง

อย่างไรก็ดี วัยรุ่นร้อยละ 49 เลือกที่จะสื่อสารกับเพื่อนฝูงโดยออกไปพบปะสังสรรค์กันมากกว่า เพราะ “สนุกกว่า” และช่วยให้เข้าใจซึ่งกันและกันได้ดีกว่า

เยาวชนร้อยละ 33 เลือกพิมพ์ข้อความคุยกันมากกว่าเจอหน้า ส่วนร้อยละ 7 ชอบติดต่อกันผ่านสังคมออนไลน์เพียงอย่างเดียว ขณะที่ผู้นิยมใช้โทรศัพท์มีเพียงร้อยละ 4 เท่านั้น

วิกตอเรีย ไรด์เอาท์ ผู้สรุปผลสำรวจ เปิดเผยว่า “วัยรุ่นมองว่าเทคโนโลยีเป็นเพียงส่วนเสริมในการสื่อสารกับคนรอบข้าง แต่ไม่สามารถเข้ามาแทนที่ได้เสียทีเดียว”

“มันเป็นวิธีหนึ่งที่จะใช้ติดต่อพูดคุยเมื่อคุณไม่ได้เจอหน้ากัน และนี่คือบริบทสำคัญที่เราควรตระหนัก เมื่อพูดถึงเยาวชนกับสังคมออนไลน์”

ผลสำรวจความคิดออนไลน์จากเยาวชน 1,030 คน ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคมที่ผ่านมา ยังพบว่า เด็กร้อยละ 52 มองว่าสังคมออนไลน์ช่วยให้พวกเขามีเพื่อนมากขึ้น ร้อยละ 29 รู้สึกว่าตนเองเข้าสังคมได้ง่ายขึ้น และอีกร้อยละ 10 รู้สึกเครียดน้อยลง

ตัวเลขที่น่าสนใจก็คือ ร้อยละ 43 บอกว่าอยากจะหนีจากสื่อออนไลน์สักพัก โดยเฉพาะเยาวชนที่เคยผ่านประสบการณ์เลวร้ายบนโลกอินเทอร์เน็ต เช่น การเหยียดผิว, การแบ่งแยกเพศ หรือการเหยียดหยามคนรักร่วมเพศ เป็นต้น

ก่อนหน้านี้ บริษัทด้านความปลอดภัยอินเทอร์เน็ตชั้นนำ แมคอาฟี เผยผลสำรวจซึ่งพบว่า ร้อยละ 70 ของวัยรุ่นจำนวน 1,004 คนที่อายุระหว่าง 13-17 ปี รู้จักวิธีหลบเลี่ยงไม่ให้พ่อแม่ติดตามดูการใช้อินเทอร์เน็ตของพวกเขา ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่าผลสำรวจเมื่อ 2 ปีก่อนที่พบว่า เด็กรู้จักวิธีหลบเลี่ยงพ่อแม่เพียงร้อยละ 45 เท่านั้น

แมคอาฟีระบุว่า โดยเฉลี่ยวัยรุ่นในสหรัฐฯ ใช้อินเทอร์เน็ตวันละ 5 ชั่วโมง และมีเพียงร้อยละ 10.3 เท่านั้นที่เพลิดเพลินกับโลกออนไลน์เกิน 10 ชั่วโมงต่อวัน