เอเอฟพี - องค์การยูเนสโกเร่งเร้าให้รัฐบาลออสเตรเลียดำเนินการขั้นเด็ดขาด เพื่อคุ้มครองเกรท แบร์ริเออร์ รีฟ จากการพัฒนาอุตสาหกรรมก๊าซธรรมชาติ และเหมืองแร่ พร้อมเตือนว่าแนวปะการังแห่งนี้อาจติดบัญชีรายชื่อมรดกโลกในภาวะอันตรายภายในไม่กี่ปีข้างหน้านี้
ออสเตรเลียกำลังเดินหน้าการลงทุนด้านทรัพยากรอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เนื่องจากปริมาณความต้องการในตลาดเอเชียพุ่งสูง โดยมีหลายโครงการท่อส่งก๊าซ ที่รวมเป็นมูลค่าถึง 450,000 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย
ขณะที่แนวปะการังที่ใหญ่ที่สุดในโลกดังกล่าวยังไม่เสี่ยงภัยมากพอที่จะถูกประกาศว่าอยู่ในภาวะอันตราย แต่ยูเนสโกชี้ว่า จำนวนและขนาดของอุตสาหกรรมอย่าง ก๊าซธรรมชาติเหลว การท่องเที่ยว และเหมืองแร่ อาจเป็นภัยคุกคามต่อมรดกโลกแห่งนี้
คณะกรรมการมรดกโลกของยูเนสโกระบุว่า คุณภาพน้ำที่ลดลง และสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงเป็นปัญหาสำคัญ จึงจำเป็นที่ต้องมีการลดการพัฒนาอุตสาหกรรม และแรงกดดันอื่นๆ ให้มากเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อเพิ่มความสามารถในการฟื้นฟูของแนวปะการัง
คณะกรรมการยังเสริมว่า อาจจะต้องเสนอให้เกรท แบร์ริเออร์ รีฟเข้าไปอยู่ในรายชื่อสถานที่ในภาวะอันตราย หากโครงการใหญ่ๆ บางโครงการยังเดินหน้าต่อไป
เจ้าหน้าที่ยูเนสโกได้ลงพื้นที่ประเมินผลกระทบของโครงการก๊าซแอลเอ็นจีในหมู่เกาะเคอร์ทิส เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทำให้พบการเติบโตของอุตสาหกรรมอย่างไม่เคยมีมาก่อน รวมถึงอันตรายร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อมในภูมิภาคดังกล่าว
ส่วนอ่าวแกลดสโตน ศูนย์กลางส่งออกถ่านหินจำนวนมหาศาลไปยังญี่ปุ่น อินเดีย เกาหลีใต้ และจีน กำลังขยายตัวอย่างมาก ซึ่งนักเคลื่อนไหวชี้ว่าเป็นอันตรายต่อชีวิตสัตว์น้ำ
ยูเนสโกยังชี้ว่า เงื่อนไขด้านสิ่งแวดล้อมที่รัฐบาลกำหนดไว้ ยังไม่แข็งกร้าวพอที่จะคุ้มครองมรดกโลกแห่งนี้ได้ พร้อมกับกระตุ้นให้ใช้มาตรการป้องกันล่วงหน้าในระดับสูงตามแนวชายฝั่ง และท่าเรือ ที่มีการพัฒนาใหม่ๆ ในเขตแนวปะการัง จนกว่าจะร่างแผนอนุรักษ์เสร็จ