“หมอสมาน” เตรียมแจ้งความ ตร.อยุธยาหลังพบผู้ค้าหลายรายเปิดร้านขายเครื่องดื่มมึนเมาในงานกาชาด ขณะที่ “วิทยา” สั่งดำเนินการตามกฎหมายเต็มที่
นพ.สมาน ฟูตระกูล ผอ.สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ตามที่ได้มีประชาชนร้องเรียนว่ามีการจัดงานกาชาดของจ.พระนครศรีอยุธยา ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 10-19 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยใช้พื้นที่บริเวณสวนสาธารณะบึงพระราม ซึ่งถือว่าเป็นพื้นที่ในอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ที่ทางองค์การยูเนสโกประกาศให้เป็นมรดกโลก โดยพบว่ามีการกระทำผิดพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 โดยมีการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานที่ห้ามขาย ตนจึงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบการจัดงานดังกล่าวพบว่า มีการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ดังกล่าวจริง โดยมีการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานที่ต้องห้าม ตามมาตรา 27 โดยเป็นลานเบียร์ใหญ่ๆ ถึง 3 ลาน และมีรายย่อยอีกประมาณ 20 ราย โดยมีการทำความผิดอย่างชัดเจน มีโทษจำคุก 6 เดือน ปรับ 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังพบด้วยว่ามีการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วยวิธีการต้องห้าม ตามมาตรา 30 โดยพบว่าในลานเบียร์มีการขายแบบลดราคา เช่น ซื้อเบียร์ 1 ลิตร ราคา 120 บาท แต่ถ้าซื้อ 3 ลิตร จะลดราคา 10 บาท เหลือแค่ 350 บาท โดยมีโทษจำคุก 6 เดือน ปรับ 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นพ.สมาน กล่าวต่อไปว่า ยังพบว่ามีการขายให้กับบุคคลอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ ซึ่งมีความผิดตตามมาตรา 29 โดยขายให้เยาวชนในชุดนักศึกษาหลายโต๊ะ ซึ่งมีโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ยังมีการโฆษณาสื่อสารการตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตามมาตรา 32 โดยมีการจัดหรือสนับสนุนให้จัดกิจกรรมนี้ โดยธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และมีกิจกรรมที่มีการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และภาพลักษณ์ของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีการส่งเสริมการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อันเป็นการสื่อสารการตลาดอย่างชัดเจน นอกจากนี้ทั้งในบริเวณงานและรอบๆ ในเขต อ.เมืองอยุธยา พบว่ามีสื่อโฆษณา เช่น ป้ายโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลากหลายรูปแบบเต็มไปหมด และมีสาวเชียร์เบียร์ซึ่งเป็นสื่อบุคคลถึง 8 คน เป็นต้น ซึ่งถือเป็นการโฆษณาที่มีความหมายรวมถึงการสื่อสารการตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ผิดกฎหมายอย่างชัดเจน อันมีโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังมีโทษปรับรายวันอีกวันละ 5 หมื่นบาทจนกว่าจะเลิกโฆษณา ทั้งนี้ตนอยู่ในระหว่างการร่างสำนวน เพื่อเตรียมแจ้งความต่อ สภ.เมืองอยุธยา ภายในสัปดาห์นี้ด้วย และเรื่องนี้ตนได้รายงานนายวิทยา บุรณศิริ รมว.สาธารณสุข แล้ว ซึ่งนายวิทยาก็บอกว่าหากมีการกระทำผิดจริงให้ดำเนินการตามกฎหมายได้ทันที
นพ.สมาน ฟูตระกูล ผอ.สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ตามที่ได้มีประชาชนร้องเรียนว่ามีการจัดงานกาชาดของจ.พระนครศรีอยุธยา ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 10-19 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยใช้พื้นที่บริเวณสวนสาธารณะบึงพระราม ซึ่งถือว่าเป็นพื้นที่ในอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ที่ทางองค์การยูเนสโกประกาศให้เป็นมรดกโลก โดยพบว่ามีการกระทำผิดพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 โดยมีการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานที่ห้ามขาย ตนจึงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบการจัดงานดังกล่าวพบว่า มีการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ดังกล่าวจริง โดยมีการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานที่ต้องห้าม ตามมาตรา 27 โดยเป็นลานเบียร์ใหญ่ๆ ถึง 3 ลาน และมีรายย่อยอีกประมาณ 20 ราย โดยมีการทำความผิดอย่างชัดเจน มีโทษจำคุก 6 เดือน ปรับ 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังพบด้วยว่ามีการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วยวิธีการต้องห้าม ตามมาตรา 30 โดยพบว่าในลานเบียร์มีการขายแบบลดราคา เช่น ซื้อเบียร์ 1 ลิตร ราคา 120 บาท แต่ถ้าซื้อ 3 ลิตร จะลดราคา 10 บาท เหลือแค่ 350 บาท โดยมีโทษจำคุก 6 เดือน ปรับ 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นพ.สมาน กล่าวต่อไปว่า ยังพบว่ามีการขายให้กับบุคคลอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ ซึ่งมีความผิดตตามมาตรา 29 โดยขายให้เยาวชนในชุดนักศึกษาหลายโต๊ะ ซึ่งมีโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ยังมีการโฆษณาสื่อสารการตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตามมาตรา 32 โดยมีการจัดหรือสนับสนุนให้จัดกิจกรรมนี้ โดยธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และมีกิจกรรมที่มีการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และภาพลักษณ์ของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีการส่งเสริมการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อันเป็นการสื่อสารการตลาดอย่างชัดเจน นอกจากนี้ทั้งในบริเวณงานและรอบๆ ในเขต อ.เมืองอยุธยา พบว่ามีสื่อโฆษณา เช่น ป้ายโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลากหลายรูปแบบเต็มไปหมด และมีสาวเชียร์เบียร์ซึ่งเป็นสื่อบุคคลถึง 8 คน เป็นต้น ซึ่งถือเป็นการโฆษณาที่มีความหมายรวมถึงการสื่อสารการตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ผิดกฎหมายอย่างชัดเจน อันมีโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังมีโทษปรับรายวันอีกวันละ 5 หมื่นบาทจนกว่าจะเลิกโฆษณา ทั้งนี้ตนอยู่ในระหว่างการร่างสำนวน เพื่อเตรียมแจ้งความต่อ สภ.เมืองอยุธยา ภายในสัปดาห์นี้ด้วย และเรื่องนี้ตนได้รายงานนายวิทยา บุรณศิริ รมว.สาธารณสุข แล้ว ซึ่งนายวิทยาก็บอกว่าหากมีการกระทำผิดจริงให้ดำเนินการตามกฎหมายได้ทันที
