เอเจนซี/เอเอฟพี - คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) มีมติเอกฉันท์ในวันอาทิตย์ (27) ออกคำแถลงประณามการสังหารหมู่อย่างน้อย 108 ศพในซีเรีย โดยที่เป็นเด็ก 49 คน และผู้หญิง 34 คน ซึ่งทางรัฐบาลและฝ่ายกบฏโทษกันไปมา กระนั้นรัสเซียยังคงยืนกรานคัดค้านการเพิ่มมาตรการลงโทษทางการดามัสกัส ทางด้าน โคฟี อันนัน รีบเร่งเดินทางถึงซีเรียวันจันทร์ (28) เพื่อพยายามหาทางรักษาแผนสันติภาพของเขาที่กำลังใกล้พังพาบเต็มที
ภาพศพเด็กเลือดอาบวางเรียงรายหลังเหตุการณ์สังหารหมู่ในเมืองฮูลาเมื่อวันศุกร์ (25) สร้างความตกตะลึงไปทั่วโลก และตอกย้ำความล้มเหลวของแผนการหยุดยิงในซีเรียซึ่งเริ่มต้นเมื่อ 6 สัปดาห์ที่แล้ว ตามการริเริ่มผลักดันของอันนัน อดีตเลขาธิการสหประชาชาติ ในฐานะเป็นตัวแทนของยูเอ็นและกลุ่มประเทศอาหรับ
“คณะมนตรีความมั่นคงฯ ขอประณามด้วยถ้อยคำรุนแรงที่สุดต่อการสังหารหมู่ครั้งนี้ที่ได้รับการยืนยันจากคณะผู้สังเกตการณ์ของยูเอ็นว่า มีหญิง ชาย และเด็กหลายสิบคนเสียชีวิต และบาดเจ็บอีกนับร้อย ในการโจมตีโดยใช้ปืนใหญ่และรถถังของรัฐบาลต่อย่านที่อยู่อาศัย การใช้กำลังอย่างโหดเหี้ยมต่อประชาชนนั้น ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศที่ใช้บังคับและพันธสัญญาของรัฐบาลซีเรียภายใต้มติของคณะมนตรี” คำแถลงระบุ
ทางด้านรัสเซียที่ร่วมกับจีนในการคัดค้านร่างมติยูเอ็นเอสซีที่ให้เพิ่มการกดดันซีเรียมา 2 ครั้งก่อนหน้านี้ กล่าวในคราวนี้ว่าโศกนาฏกรรมในซีเรียสมควรได้รับการประณาม และเรียกร้องให้ยูเอ็นประเมินสถานการณ์ความรุนแรงในประเทศดังกล่าว
อย่างไรก็ดี อเล็กซานเดอร์ ปันกิน รองเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำยูเอ็น ระบุว่าสถานการณ์แวดล้อมในเหตุการณ์นี้คลุมเครือ พร้อมปฏิเสธข้อกล่าวหาของฝ่ายตะวันตกที่ว่า หลักฐานชี้ชัดว่ารัฐบาลซีเรียเป็นตัวการในเรื่องนี้ เขายังคัดค้านมาตรการลงโทษซีเรียเพิ่มเติม โดยกล่าวหาว่า สหรัฐฯ และยุโรปพยายามผลักดันการเปลี่ยนระบอบการปกครองของซีเรียแบบที่ทำในลิเบีย
ทั้งนี้ ซีเรียเป็นที่ตั้งท่าเรือน้ำอุ่นแห่งเดียวของกองทัพเรือรัสเซีย ซึ่งอยู่นอกพื้นที่ของอดีตสหภาพโซเวียต นอกจากนั้นดามัสกัสยังเป็นผู้ซื้ออาวุธรายใหญ่ของแดนหมีขาว
บาชาร์ จาฟารี เอกอัครราชทูตซีเรีย ย้ำการปฏิเสธของดามัสกัสว่า การสังหารหมู่เป็นฝีมือของกลุ่มก่อการร้ายติดอาวุธ ซึ่งหมายถึงกลุ่มกบฏ
ทว่า ชาติตะวันตกและกลุ่มอาหรับที่ต่อต้านประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด โทษว่าการสังหารหมู่ล่าสุดที่เมืองฮูลาเป็นฝีมือรัฐบาลซีเรีย
ทำเนียบขาวกล่าวว่า ตกใจกับรายงานที่น่าเชื่อถือที่ระบุถึงการโจมตีเด็กและผู้หญิงในฮูลาอย่างโหดร้าย
“การกระทำเหล่านี้เป็นหลักฐานยืนยันระบอบที่ไร้ความชอบธรรมที่ตอบโต้การประท้วงทางการเมืองอย่างสันติด้วยความรุนแรงอย่างไร้มนุษยธรรม”
สภาความร่วมมือแห่งอ่าวเปอร์เซียกล่าวหาว่า ทหารของอัสซาดใช้กำลังเกินเหตุ และเรียกร้องให้นานาชาติแสดงความรับผิดชอบเพื่อยุติการนองเลือดรายวันในซีเรีย
แคทเธอลีน แอชตัน หัวหน้าคณะวางนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป ระบุในคำแถลงที่ออกมาเมื่อวันอาทิตย์ (27) ว่ารัฐบาลซีเรียกระทำการอย่างน่ารังเกียจกับประชาชนของตนเอง ขณะที่เนวี พิลเลย์ หัวหน้าหน่วยงานสิทธิมนุษยชนของยูเอ็น แถลงว่าเหตุการณ์ดังกล่าวอาจเข้าข่ายการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติหรืออาชญากรรมสงครามรูปแบบอื่นๆ
ด้าน บัน คีมูน เลขาธิการใหญ่ยูเอ็น ส่งสาส์นถึงคณะมนตรี โดยมีข้อความที่ไม่ได้ระบุเฉพาะเจาะจงถึงตัวผู้ก่อเหตุ “คณะผู้สังเกตการณ์เห็นศพที่เสียชีวิตจากกระสุนปืนใหญ่และรถถังในย่านที่อยู่อาศัย” ทั้งนี้ฝ่ายกบฏไม่มีรถถังและปืนใหญ่
ขณะเดียวกัน บันสำทับว่า คณะผู้สังเกตการณ์ยังเห็นบาดแผลจากการจ่อยิง ซึ่งอาจเป็นฝีมือของกลุ่มกบฏหรือทหารซีเรียก็ได้
“แม้ไม่รู้สถานการณ์โดยละเอียด แต่เราสามารถยืนยันได้ว่า มีการยิงปืนใหญ่และปืนครก รวมทั้งยังมีความรุนแรงในรูปแบบอื่นๆ เช่น การจ่อยิงและการทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรง”
การสังหารหมู่ในฮูลานับเป็นเหตุการณ์รุนแรงที่สุดนับจากที่ชาวซีเรียลุกขึ้นต่อต้านอัสซาดในเดือนมีนาคมปีที่แล้วที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้นประมาณ 10,000 คนจนถึงขณะนี้
กลุ่มเคลื่อนไหวต่อต้านระบุว่า กองกำลังของอัสซาดระดมยิงถล่มฮูลาหลังจากมีการประท้วง จากนั้นจึงปะทะกับกลุ่มมุสลิมสุหนี่ที่เป็นผู้จุดชนวนการต่อต้านรัฐบาลเมื่อปีที่แล้ว
นอกจากนี้ยังมีรายงานที่ไม่ได้รับการตรวจสอบว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 30 รายเมื่อวันอาทิตย์ เมื่อรถถังของกองทัพซีเรียบุกเข้าไปในย่านที่อยู่อาศัยในเมืองฮามา ซึ่งเป็นฐานของกลุ่มกบฏ
สำหรับ อันนัน ซึ่งเดินทางไปถึงกรุงดามัสกัสในวันจันทร์ ได้กล่าวประณามการสังหารหมู่ที่ฮูลาว่า เป็น “อาชญกรรมที่ทำให้รู้สึกขนพองสยองเกล้า” พร้อมกันนั้นก็เรียกร้องให้ประธานาธิบดีอัสซาดพิสูจน์ตัวให้ชัดเจนว่า เขายังต้องการหนทางสันติในการแก้ไขวิกฤตที่กำลังแผ่ลามไปทั่วประเทศของเขา