เอเอฟพี - เฟซบุ๊กและพวกอันเดอร์ไรต์ ถูกเล่นงานทางกฎหมายในวันพุธ (23) หลังเหล่านักกฎหมายและนักลงทุนยื่นฟ้องเกี่ยวกับการเสนอขายหุ้นเบื้องต้น (ไอพีโอ) อันเป็นที่ถกเถียงของบริษัทเครือข่ายสังคมออนไลน์แห่งนี้
ทีบริษัทกฎหมายอย่างน้อย 3 บริษัทที่บอกว่าพวกเขาได้ยื่นฟ้องดำเนินคดีกับเฟซบุ๊กและพวกอันเดอร์ไรต์ (ผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย) หลังจากไอพีโอมูลค่า 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ไม่เป็นไปตามเป้าท่ามกลางข้อกล่าวหาว่าพวกอันเดอร์ไรต์ชั้นนำและเฟซบุ๊กปิดบังข้อมูลการประมาณรายได้ของบริษัท
เฟซบุ๊กเสนอขายหุ้นต่อสาธารณชนเมื่อวันศุกร์ (18) นับเป็นการทำไอพีโอที่มีมูลค่าสูงสุดเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์ของตลาดหุ้นสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม หุ้นของเฟซบุ๊กดิ่งลงกว่าร้อยละ 18 ในช่วง 3 วันแรกของการซื้อขาย นำมาซึ่งข้อกล่าวหาที่ว่านักลงทุนสถาบันขนาดใหญ่ได้รับประโยชน์จากการวิเคราะห์ของอันเดอร์ไรต์ ที่ผลักให้พวกเขาเทขายหุ้นออกมาขณะที่นักลงทุนรายย่อยก็เป็นแมงเม่าบินเข้ากองไฟ
บริษัทกฎหมาย ร็อบบินส์ เกลเลอร์ รัดแมนแอนด์ดาวด์ ซึ่งมีสำนักงานอยู่ในนิวยอร์กบอกว่าพวกเขาได้ยื่นฟ้องเฟซบุ๊ก และเจ้าหน้าที่ของบริษัทฐานต่อศาลแขวงนิวยอร์ก ฐานละเมิดกฎหมายหลักทรัพย์ “ในคำร้องกล่าวอ้างว่าเอกสารทะเบียนหุ้นและหนังสือชี้ชวนที่เกี่ยวข้องกับไอพีโอก่อความเข้าใจผิด ซึ่งละเมิดกฎหมายหลักทรัพย์”
ขณะที่บริษัทกฎหมาย ลีฟฟ์ คาบราเซอร์ เฮมันนด์แอนด์เบิร์นสเตน และบริษัทกฎหมายกลันซี บินโกว์แอนด์โกลด์เบิร์ก ก็ยืนยันว่าได้ยื่นฟ้องกลุ่มต่อเฟซบุ๊กและพวกอันเดอร์ไรต์ ฐานละเมิดกฎหมายหลักทรัพย์เช่นกัน
ทั้งนี้ ทั้ง 3 บริษัทเปิดเผยว่าในการฟ้องร้องดังกล่าวเป็นการยื่นฟ้องในนามนักลงทุนทั่วไปของเฟซบุ๊ก แต่ก็ได้มีการขอร้องให้เหล่านักลงทุนร่วมยื่นฟ้องในครั้งนี้ด้วย
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่ามอร์แกน สแตนลีย์ บริษัทผู้ให้บริการทางการเงินระดับโลก หนึ่งในอันเดอร์ไรต์ผู้นำหุ้นของเฟซบุ๊กเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ ก็กำลังถูกสอบสวนหาความเป็นได้ในการฉ้อโกง เนื่องจากถูกกล่าวหาว่า บริษัท ไม่ยอมเตือนนักลงทุนจำนวนหนึ่ง ว่าการกระเมินค่าผลกำไรในอนาคตของเฟซบุ๊กมีแนวโน้มเป็นลบ ทั้งที่นักลงทุนอีกกลุ่มหนึ่งได้รับการเตือนล่วงหน้าในเรื่องดังกล่าวแล้ว ซึ่งเป็นการเลือกปฏิบัติ
การเตือนล่วงหน้ามีผลต่อการตัดสินใจซื้อหุ้น หรือขายหุ้นทันทีระหว่างที่ราคาหุ้นยังอยู่ในระดับ 38 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น ก่อนที่ราคาหุ้นจะตกอย่างหนักดังเช่นตอนนี้
รายงานข่าวระบุด้วยว่า นักวิเคราะห์ของมอร์แกน สแตนลีย์ ลดค่าประมาณรายได้ของเฟซบุ๊กลง จาก 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เหลือ 4.85 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อันเป็นผลจากหลายปัจจัย ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการที่ผู้ใช้งานใช้โทรศัพท์มือถือ หรือสมาร์ทโฟน ในการเข้าถึงเว็บไซต์เฟซบุ๊กมากขึ้น ทำให้บริษัทต้องเสียรายได้จากค่าโฆษณา