“โฮมโปร” โชว์ผลประกอบการไตรมาส 1ปี 55 โกยกำไรเพิ่ม 49.57% กำไรสุทธิอยู่ที่ 610.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 202.26 ล้านบาท หลังกวาดยอดขายเฉียด 8,500 ล้านบาท จากการเพิ่มขึ้นของยอดขายสาขาเดิม และการเปิดสาขาใหม่ โดยเฉพาะในสาขาซึ่งอยู่ในบริเวณที่เคยมีผลกระทบจากสภาวะน้ำท่วม จะมีความต้องการของสินค้าเพื่อการซ่อมแซมหลังน้ำท่วมเพิ่มขึ้น
นายคุณวุฒิ ธรรมพรหมกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ “โฮมโปร” ผู้นำธุรกิจศูนย์รวมวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ตกแต่งบ้านครบวงจร เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อยประจำไตรมาสที่ 1/2555 ว่า บริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิเท่ากับ 610.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 202.26 ล้านบาท หรือ 49.57% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยหลักได้แก่
รายได้จากการขาย สำหรับงวด 3 เดือน สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2555 มีจำนวน 8,414.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี 2554 จำนวน 1,807.63 ล้านบาท หรือ 27.36% การเพิ่มขึ้นของยอดขายเป็นผลเนื่องจากการเติบโตของสาขาเดิม และการเปิดสาขาใหม่ โดยเฉพาะในสาขาซึ่งอยู่ในบริเวณที่เคยมีผลกระทบจากสภาวะน้ำท่วมจะมีความต้องการของสินค้าเพื่อการซ่อมแซมหลังน้ำท่วมเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นเป็นจำนวนเงิน 2,089.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 473.06 ล้านบาท หรือ 29.26% โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นต่อยอดขายเท่ากับ 24.84% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 24.47% เป็นผลเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงส่วนผสมของกลุ่มสินค้าที่ขาย โดยมีสัดส่วนของสินค้าที่มีอัตรากำไรเพิ่มขึ้น
นายคุณวุฒิ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีรายได้ค่าเช่าและบริการ จำนวน 243.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี 2554 จำนวน 19.80 ล้านบาท หรือ 8.85% เป็นผลเนื่องจากการเพิ่มรายได้ค่าเช่าพื้นที่ของร้านค้าเช่าในโฮมโปร และรายได้จากพื้นที่เช่าในศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจ สำหรับรายได้อื่นๆ มีจำนวน 330.52 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี 2554 จำนวน 65.59 ล้านบาท หรือ 24.76% เป็นผลเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าโฆษณาและส่งเสริมการขาย และรายได้ค่าบริการจากลูกค้าและรายได้อื่นๆ ค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหาร มีจำนวน 1,831.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี 2554 จำนวน 359.38 ล้านบาท หรือ 24.41% ซึ่งค่าใช้จ่ายดังกล่าวเพิ่มขึ้นในอัตราส่วนที่ลดลงโดยคิดเป็น 21.77% ของยอดขาย ลดลงจากงวดเดียวกันของปี 2554 ที่มีอัตราส่วนเท่ากับ 22.29% ของยอดขาย ค่าใช้จ่ายที่เป็นตัวเงินที่เพิ่มขึ้นเป็นผลเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของเงินเดือน, ค่าขนส่งและค่าบริการ, ค่าเสื่อมราคา รวมทั้งค่าใช้จ่ายทางการตลาด
นายคุณวุฒิ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับปีนี้ บริษัทฯ มีเป้าที่จะขยายสาขาจำนวน 8 สาขา โดยในปีนี้เริ่มทยอยเปิดไปแล้ว 2 สาขา คือสาขาจังหวัดตรัง และสาขาเมกาบางนา โดย 2 สาขานี้มีมูลค่าการลงทุนรวมแล้วกว่า 600 ล้านบาท และในเดือนนี้ บริษัทมีเป้าหมายที่จะขยายสาขาไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คือ จังหวัดบุรีรัมย์ และจะทยอยเปิดสาขาที่หาดใหญ่ เป็นสาขาที่ 2 และอีก 4 สาขาในภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ
นายคุณวุฒิ ธรรมพรหมกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ “โฮมโปร” ผู้นำธุรกิจศูนย์รวมวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ตกแต่งบ้านครบวงจร เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อยประจำไตรมาสที่ 1/2555 ว่า บริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิเท่ากับ 610.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 202.26 ล้านบาท หรือ 49.57% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยหลักได้แก่
รายได้จากการขาย สำหรับงวด 3 เดือน สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2555 มีจำนวน 8,414.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี 2554 จำนวน 1,807.63 ล้านบาท หรือ 27.36% การเพิ่มขึ้นของยอดขายเป็นผลเนื่องจากการเติบโตของสาขาเดิม และการเปิดสาขาใหม่ โดยเฉพาะในสาขาซึ่งอยู่ในบริเวณที่เคยมีผลกระทบจากสภาวะน้ำท่วมจะมีความต้องการของสินค้าเพื่อการซ่อมแซมหลังน้ำท่วมเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นเป็นจำนวนเงิน 2,089.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 473.06 ล้านบาท หรือ 29.26% โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นต่อยอดขายเท่ากับ 24.84% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 24.47% เป็นผลเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงส่วนผสมของกลุ่มสินค้าที่ขาย โดยมีสัดส่วนของสินค้าที่มีอัตรากำไรเพิ่มขึ้น
นายคุณวุฒิ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีรายได้ค่าเช่าและบริการ จำนวน 243.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี 2554 จำนวน 19.80 ล้านบาท หรือ 8.85% เป็นผลเนื่องจากการเพิ่มรายได้ค่าเช่าพื้นที่ของร้านค้าเช่าในโฮมโปร และรายได้จากพื้นที่เช่าในศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจ สำหรับรายได้อื่นๆ มีจำนวน 330.52 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี 2554 จำนวน 65.59 ล้านบาท หรือ 24.76% เป็นผลเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าโฆษณาและส่งเสริมการขาย และรายได้ค่าบริการจากลูกค้าและรายได้อื่นๆ ค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหาร มีจำนวน 1,831.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี 2554 จำนวน 359.38 ล้านบาท หรือ 24.41% ซึ่งค่าใช้จ่ายดังกล่าวเพิ่มขึ้นในอัตราส่วนที่ลดลงโดยคิดเป็น 21.77% ของยอดขาย ลดลงจากงวดเดียวกันของปี 2554 ที่มีอัตราส่วนเท่ากับ 22.29% ของยอดขาย ค่าใช้จ่ายที่เป็นตัวเงินที่เพิ่มขึ้นเป็นผลเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของเงินเดือน, ค่าขนส่งและค่าบริการ, ค่าเสื่อมราคา รวมทั้งค่าใช้จ่ายทางการตลาด
นายคุณวุฒิ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับปีนี้ บริษัทฯ มีเป้าที่จะขยายสาขาจำนวน 8 สาขา โดยในปีนี้เริ่มทยอยเปิดไปแล้ว 2 สาขา คือสาขาจังหวัดตรัง และสาขาเมกาบางนา โดย 2 สาขานี้มีมูลค่าการลงทุนรวมแล้วกว่า 600 ล้านบาท และในเดือนนี้ บริษัทมีเป้าหมายที่จะขยายสาขาไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คือ จังหวัดบุรีรัมย์ และจะทยอยเปิดสาขาที่หาดใหญ่ เป็นสาขาที่ 2 และอีก 4 สาขาในภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ