เอเอฟพี - หน่วยกู้ภัยอินโดนีเซียเมื่อวันศุกร์ (11) พบร่างผู้เสียชีวิตจากเหตุเครื่องบินซูเปอร์เจ็ตรัสเซีย ประสบอุบัติเหตุพุ่งชนภูเขาระหว่างเที่ยวบินโปรโมทแล้ว 12 ศพ ขณะที่ต้นตอของโศกนาฏกรรมครั้งนี้ยังคงคลุมเครือ
มีคำตามมากขึ้นว่าเพราะสาเหตุใดเครื่องบินซูคอย ซูเปอร์เจ็ต 100 สองเครื่องยนต์ อันเป็นเครื่องบินโดยสารรุ่นใหม่และควบคุมโดยนักบินระดับอาวุโส ถึงได้ประสบอุบัติเหตุพุ่งชนภูเขาซาลัค ภูเขาไปอันสงบที่เหล่านักบินรู้กันดีว่าอันตรายมาก
เจ้าหน้าที่กู้ภัยบากบั่นเข้าไปยังจุดเกิดเหตุอันเป็นพื้นที่ป่าทึบบนไหล่เขา โดยพวกเขาต้องใช้เครื่องมือไต่ขึ้นไปให้ถึงบริเวณที่ศพและซากหักพังของเครื่องกระจัดกระจายอยู่
“วันนี้เราไปจุดที่เครื่องตกแล้ว และเราพบเหยื่อ 12 รายและทั้งหมดเสียชีวิต เราจะดำเนินการเคลื่อนย้ายศพต่อไป” ดาร์ยัตโม หัวหน้าศูนย์ค้นหาและช่วยเหลือแห่งชาติกล่าว “ผมยังไม่รู้ว่าศพเหล่านั้นมีสภาพอย่างไร ตอนนี้เรายังไม่สามารถเคลื่อนย้ายมันได้ ศพยังคงอยู่บรรจุอยู่ในถุง” เขาบอก
ทั้งนี้ เมื่อสามารถเดินหน้าปฏิบัติการได้ ศพและชิ้นส่วนศพต่างๆ จะถูกนำขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปยังกรุงจาการ์ตา เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตรวจสอบดีเอ็นเอกับดีเอ็นเอของญาติๆ ในขั้นตอนของการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล
ด้วยสภาพภูมิประเทศที่สูงชันและสภาพอากาศที่มีหมอกหนาเกือบตลอดทั้งวัน ส่งผลให้การปฏิบัติงานของทีมค้นหาเป็นไปอย่างยากลำบากและเฮลิคอปเตอร์ไม่สามารถบินเข้าไปใกล้จุดที่เครื่องบินตกซึ่งสูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 1,800 เมตร
เจ้าหน้าที่ยืนยันเมื่อวันพฤหัสบดี (10) ว่าทุกคนบนเครื่องเสียชีวิตยกลำ หนึ่งวันหลังจากเครื่องบินหายไปจากจอเรดาร์ระหว่างเที่ยวโปรโมทที่มีจุดมุ่งหมายส่งเสริมยอดขายระดับสากลแก่เครื่องบินพลเรือนรุ่นแรกของรัสเซียตั้งแต่ยุคหลังสหภาพโซเวียต
จำนวนของผู้อยู่บนเครื่องยังไม่คงที่ โดยทางบริษัทผู้ดูแลรายชื่อแขกรับเชิญของเที่ยวบินมรณะ เดิมทีบอกว่ามีผู้โดยสารและลูกเรือทั้งหมด 50 คน แต่ในวันพฤหัสบดี (10) ได้ปรับลดลงมาเหลือ 45 คน ขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยท้องถิ่นบอกว่าเครื่องบินลำนี้บรรทุกผู้โดยสารและลูกเรือ 46 คน
ผู้โดยสารทั้งหมดบนเครื่องเป็นผู้แทนองค์กรการบินอินโดนีเซียและผู้แทนสายการบินต่างๆ โดยมีชาวรัสเซียอยู่เพียง 8 คน ได้แก่ ลูกเรือ 4 คน และพนักงานของซูคอยอีก 4 คน นอกจากนี้ยังมีชาวอเมริกัน 1 คน และชาวฝรั่งเศสอีก 1 คนด้วย
เครื่องบินลำนี้ลดระดับจาก 10,000 ฟุตเหลือ 6,000 ฟุต ก่อนพุ่งชนภูเขาซาลัค ซึ่งตั้งอยู่ทางใต้ของกรุงจาการ์ตาและมีความสูงเพียง 7,200 ฟุต นั่นจึงเกิดข้อถกเถียงว่าทำไม่กัปตันชาวรัสเซียวัย 57 ปีที่มากประสบการณ์ถึงลดระดับลงมาต่ำถึงเพียงนี้ในสภาพภูมิประเทศที่เป็นภูเขา ขณะที่เจ้าหน้าที่ก็ยืนยันแค่ว่าเครื่องบินลดระดับลงโดยไม่ได้บอกว่ากัปตันได้รับอนุญาตจากหอควบคุมการบินหรือไม่
มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ของรัสเซีย 5 คนได้เดินทางึงกรุงจาการ์ตาแล้วในวันพฤหัสบดี (10) และในวันศุกร์(11) ก็ได้เริ่มดำเนินการสืบสวน ขณะที่เจ้าหน้าที่รัสเซียกล่าวเสริมว่าผู้เชี่ยวชาญอีก 37 คนจะถูกส่งไปเพิ่มเติมใน 2 เที่ยวบินที่จะถึงเมืองหลวงของอินโดนีเซียในคืนวันศุกร์ (11) และเช้าวันเสาร์ (12) เพื่อช่วยในการสืบสวน
เที่ยวบินสาธิตนี้เป็นส่วนหนึ่งในแผนทัวร์เอเชียเพื่อโปรโมตเครื่องบิน ซูคอย ซูเปอร์เจ็ต ที่ร่วมดำเนินการกันระหว่างซูคอยและบริษัท อเลเนีย แอร์โรนัวติกาของอิตาลี ซึ่งเปิดตัวเครื่องบินพาณิชย์รุ่นใหม่นี้เป็นครั้งแรกเมื่อปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม แม้ต้องเผชิญโศกนาฏกรรม เจ้าหน้าที่รัสเซียระบุว่ายังมีความเป็นไปได้ที่จะคงแผนโรดโชว์โปรโมตซูคอย ซูเปอร์เจ็ต ในเอเชียตามเดิม ซึ่งมีกำหนดเดินทางไปลาวและเวียตนามเป็นลำดับต่อไป “มันยัง 50-50 เราเองก็ยังไม่แน่ใจ” เจ้าหน้าที่ฝ่ายสื่อมวลชนสัมพันธ์ของสถานทูตรัสเซียบอก
ในรัสเซีย เจ้าหน้าที่สืบสวนได้เปิดการสืบสวนคดีอาญา ถึงความเป็นไปได้ต่อการปฏิบัติงานที่ผิดพลาดในขั้นตอนเตรียมการก่อนขึ้นบิน ขณะที่อุบัติเหตุคราวนี้ของซูเปอร์เจ็ต สร้างความเสียหายใหญ่หลวงแก่อุตสาหกรรมการบินพลเรือนของรัสเซีย ที่หวังหย่างยิ่งว่าเครื่องบินรุ่นใหม่นี้จะช่วยปรับปรุงภาพลักษณ์ด้านการบินพลเรือนของประเทศ