เอเอฟพี - ผู้โดยสารและลูกเรือหลายสิบชีวิตบนเครื่องบินซูคอย ซูเปอร์เจ็ต 100 ของรัสเซีย เที่ยวบินโปรโมตการขายในอินโดนีเซีย ตายยกลำ หลังจากเครื่องบินลำนี้พุ่งเข้าชนภูเขาลูกหนึ่งในช่วงบ่ายวันพุธ (9) เจ้าหน้าที่เปิดเผยในวันพฤหัสบดี (10)
หน่วยกู้ภัยซึ่งเดินทางเข้าไปถึงพื้นที่ห่างไกลพบศพผู้เสียชีวิตกระจัดกระจายกลาดเกลื่อนใกล้ซากเครื่องบินโดยสารเชิงพาณิชย์ลำแรกของรัสเซียหลังยุคสหภาพโซเวียตที่กองอยู่ตรงสันเขาสูงชันของภูเขาซาลัก รอบนอกเมืองโบกอร์ ทางตอนใต้ของกรุงจาการ์ตา
“เราเข้าไปในพื้นที่และพบศพผู้เสียชีวิต แต่เราไม่สามารถบอกจำนวนศพเหล่านั้นได้” กากาห์ ปราโคโซ โฆษกของสำนักงานค้นหาและช่วยเหลือแห่งชาติบอก “อย่างไรก็ตม เราไม่พบผู้รอดชีวิต”
เครื่องบินซูเปอร์เจ็ต 100 สองเครื่องยนต์ หายไปจากจอเรดาร์เมื่อวันพุธ (9) หลังทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าได้เพียง 50 นาที ในเที่ยวบินระยะสั้นๆเพื่อโชว์สมรรถนะของมันแก่ลูกค้าขณะที่รัสเซียพยายามฟื้นฟูอุตสาหกรรมการบินพลเรือนของประเทศอีกครั้ง
จำนวนของผู้อยู่บนเครื่องยังไม่คงที่ โดยทางบริษัทผู้ดูแลรายชื่อแขกรับเชิญของเที่ยวบินมรณะ เดิมทีบอกว่ามีผู้โดยสารและลูกเรือทั้งหมด 50 คน แต่ในวันพฤหัสบดี (10) ได้ปรับลดลงมาเหลือ 45 คน ขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยท้องถิ่นบอกว่าเครื่องบินลำนี้บรรทุกผู้โดยสารและลูกเรือ 46 คน
ผู้โดยสารทั้งหมดบนเครื่องเป็นผู้แทนองค์กรการบินอินโดนีเซียและผู้แทนสายการบินต่างๆ โดยมีชาวรัสเซียอยู่เพียง 8 คน ได้แก่ ลูกเรือ 4 คน และพนักงานของซูคอยอีก 4 คน นอกจากนี้ยังมีชาวอเมริกัน 1 คน และชาวฝรั่งเศสอีก 1 คนด้วย
เจ้าหน้าที่เผยว่าเฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งส่องพบซากของเครื่องบินลำดังกล่าว เมื่อหน่วยกู้ภัยกลับมาปฏิบัติการอีกครั้งในช่วงเช้าวันพฤหัสบดี (10) หลังจากความพยายามค้นหาในวันพุธ (9) ไม่ประสบความสำเร็จ
ซูคอย ซูเปอร์เจ็ต เครื่องบินโดยสารรุ่นใหม่ มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อความหวังของรัสเซียในการก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญในตลาดการบินพลเรือนสมัยใหม่ และเหตุการณ์นี้นับเป็นอุบัติเหตุครั้งแรกที่เกิดขึ้นกับเครื่องบินรุ่นนี้
เที่ยวบินสาธิตนี้เป็นส่วนหนึ่งในแผนทัวร์เอเชียเพื่อโปรโมตเครื่องบิน ซูคอย ซูเปอร์เจ็ต ที่ร่วมดำเนินการกันระหว่างซูคอยและบริษัท อเลเนีย แอร์โรนัวติกาของอิตาลี ซึ่งเปิดตัวเครื่องบินพาณิชย์รุ่นใหม่นี้เป็นครั้งแรกเมื่อปีที่แล้ว
ในรัสเซีย เจ้าหน้าที่สืบสวนได้เปิดการสืบสวนคดีอาญา ถึงความเป็นไปได้ต่อการปฏิบัติงานที่ผิดพลาดในขั้นตอนเตรียมการก่อนขึ้นบิน โดยคณะกรรมการสอบสวนรายหนึ่งเผยว่าพวกเขาจะเพ่งเล็งไปที่ “ขั้นตอนการเตรียมตัวของลูกเรือ รวมไปถึงสภาพทางเทคนิคของเครื่องบินก่อนที่มันจะบินออกจากรัสเซีย”
ทีมช่วยเหลือต้องเดินเท้าผ่านภูมิประเทศที่เป็นภูเขาของแถบชวาตะวันตกตลอดคืนวันพุธ (9) หลังจากสภาพอากาศอันเลวร้ายบีบให้เฮลิคอปเตอร์ต้องบินกลับฐาน ขณะเดียวกัน ด้วยหมอกและฝนที่ตกลงมาอีกครั้งก็เป็นอุปสรรคต่อปฏิบัติการกู้ภัยในวันพฤหัสบดี (10) ด้วย
“เราพยายามเคลื่อนย้ายศพทางอากาศถึง 3 ครั้งแล้วในวันนี้ แต่มันเป็นไปไม่ได้ เราจะลองดูอีกทีในวันพรุ่งนี้ (11) เมื่อสภาพอากาศเปิด" หัวหน้าหน่วยกู้ภัยแถลงต่อผู้สื่อข่าว “เราจะเริ่มงานตอน 06.30 น.วันพรุ่งนี้ (11) เพราะปกติแล้ว ตอน 06.00 น. ยังคงมีหมอกลงจัด และหวังว่าสภาพอากาศจะเอื้ออำนวยสำหรับนำเฮลิคอปเตอร์เข้าไปหลังจากนั้น”
ทั้งนี้ ทีมช่วยเหลือที่เดินทางไปถึงพื้นที่เกิดเหตุ ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงจาการ์ตา ราว 80 กิโลเมตร ได้ตั้งแคมป์นอนค้างคืนตามไหล่เขาที่มีความลาดชัน จากนั้นพวกเขาในเช้าวันศุกร์ (12) พวกเขาจะใช้เชือกปีนขึ้นไปต่อเพื่อไปให้ถึงจุดที่ซากของเครื่องบินกระจัดกระจายอยู่บนความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 1,800 เมตร