เอเอฟพี - เครื่องบินซุคฮอย ซูเปอร์เจ็ต 100 พร้อมผู้โดยสารและลูกเรือมากกว่า 40 คน สูญหายในแถบเทือกเขาทางใต้กรุงจาการ์ตา เมืองหลวงของอินโดนีเซียระหว่างบินภายในประเทศเมื่อวันพุธ (9) อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่ามันประสบอุบัติเหตุหรือไม่
“เครื่องบินหายไปจากจอเรดาร์แถวๆ พื้นที่เมืองโบกอร์ เรากำลังตามหามันและยังไม่แน่ใจว่ามันประสบอุบัติเหตุหรือไม่” กากาห์ ปราโกโซ โฆษกศูนย์ค้นหาและช่วยเหลือแห่งชาติกล่าว พร้อมระบุว่าทหาร ตำรวจและหน่วยกู้ภัยราว 200 นาย ทั้งเดินเท้าและใช้ยานพาหนะมุ่งไปยังภูเขาซาลัค จุดที่เครื่องบินหายไป “เราส่งเฮลิคอปเตอร์ไปแล้วลำหนึ่ง แต่มันต้องกลับมาเพราะทัศนวิสัยเริ่มมืดและมีฝนตก เราจะดำเนินการค้นหาทางอากาศอีกครั้งในวันพรุ่งนี้”
ซูเปอร์เจ็ต 100 เป็นเครื่องบินโดยสารที่ออกแบบใหม่ที่สร้างโดยบริษัทซุคฮอยแห่งรัสเซีย ในความพยายามยกระดับอุตสาหกรรมการบินพลเรือนของประเทศจากวิกฤตในยุคหลังสหภาพโซเซียต
ทั้งนี้ ซูเปอร์เจ็ตเพิ่งเปิดตัวเที่ยวบินเชิงพาณิชย์เที่ยวแรกของพวกเขาไปเมื่อปีก่อนและถ้ายืนยันว่ามันเป็นอุบัติเหตุจริง นั่นเท่ากับว่ามันจะเป็นโศกนาฏกรรมทางอากาศครั้งแรกที่เกี่ยวข้องกับเครื่องบินซูเปอร์เจ็ต
เครื่องบินลำนี้เทกออฟจากท่าอากาศยานฮาลิม เพอร์ดานาคุซุมา เวลา 14.00 น.(ตามเวลาท้องถิ่น) ขณะที่ศูนย์ช่วยเหลือเผยว่า “ณ เวลา 14.50 น. มันลดระดับจาก 10,000 ฟุต สู่ 6,000 ฟุต แล้วก็สูญหายไป”
รายงานข่าวระบุว่าที่อุทยานแห่งชาติในพื้นที่ดังกล่าว มีภูเขาลูกหนึ่งสูง 1,929 เมตร (6,329 ฟุต) ตั้งอยู่ จึงก่อความกังวลว่าเครื่องบินอาจชนเข้ากับภูเขาลูกนี้ก็เป็นได้ ขณะที่ข้อมูลเกี่ยวกับตัวเลขผู้โดยสารและลูกเรือ
มีรายงานแตกต่างกันไปเล็กน้อย โดยทาง ปราโกโซ บอกว่ามีทั้งหมด 46 คน
ส่วนทางสำนักข่าวอาร์ไอเอ โนวอสติ ของรัสเซีย ระบุว่าเครื่องบินลำนี้บรรทุกผู้โดยสารชาติอื่นๆ 36 คน และชาวรัสเซีย 8 คน โดยชาวรัสเซียนั้น 4 คนเป็นลูกเรือ ส่วนที่เหลือเป็นพวกช่างเทคนิคและกัปตัน นายอเล็กซาน-เดอร์ ยาบลอนต์เซฟ วัย 57 ปี
แฮร์รี บัคตี ผู้อำนวยการฝ่ายการบินพลเรือนของกระทรวงคมนาคมอินโดนีเซีย เผยว่า ซูเปอร์เจ็ตลำนี้เป็นเที่ยวบินทดสอบครั้งที่ 2 และเหล่าบุคคลที่อยู่บนเครื่องล้วนแล้วแต่เป็นแขกรับเชิญ ในกำหนดการ “มันแค่เป็นการบินสั้นๆ วนรอบพื้นที่และกลับมาลงจอด ณ ท่าอากาศยานฮาลิม”
ในรายชื่อผู้โดยสารที่เหลืออีก 36 คนที่ติดไว้ที่สนามบินฮาลิม ระบุว่าส่วนใหญ่ในนั้นเป็นพนักงานสายการบินและเจ้าหน้าที่การบินอินโดนีเซีย บวกกับนักข่าวอีก 5 ราย และ 1 รายเป็นตัวแทนของบริษัท SNECMA แห่งฝรั่งเศส ผู้ผลิตเครื่องยนต์เครื่องบิน
