เอเอฟพี - ทางการจีนแถลงเมื่อวันพฤหัสบดี (10) เตือนพลเมืองของตนในฟิลิปปินส์ ว่าอาจตกอยู่ในอันตราย ความเคลื่อนไหวเช่นนี้สอดรับกับสื่อมวลชนของภาครัฐแดนมังกร ซึ่งสำทับว่า อาจจะเกิดสงคราม ในขณะที่กรณีพิพาทกันระหว่างปักกิ่ง กับ มะนิลา ที่ยืดเยื้อมา 1 เดือนเศษแล้ว จากการอ้างกรรมสิทธิ์เหนือเกาะปะการัง ในทะเลจีนใต้ทับซ้อนกัน ทำท่าจะลุกลามบานปลาย เมื่อชาวตากาล็อกกำหนดจัดการชุมนุมประท้วงครั้งใหญ่ในวันศุกร์ (11) นี้
พวกบริษัทเอเยนต์การท่องเที่ยวของจีน แจ้งว่า พวกเขาได้ระงับการจัดทัวร์มายังฟิลิปปินส์แล้วตามคำสั่งของรัฐบาล ขณะที่สถานเอกอัครราชทูตของแดนมังกร ในกรุงมะนิลา ก็ออกคำแนะนำถึงพลเมืองจีนที่อยู่ในแดนตากาล็อกอยู่แล้ว ให้เก็บตัวอยู่แต่ภายในอาคาร ในช่วงเวลาที่กลุ่มต่างๆ ของฟิลิปปินส์วางแผนจะจัดการประท้วงจีนครั้งใหญ่ในวันศุกร์ (11) นี้
“หลีกเลี่ยงไม่ออกไปข้างนอกอาคารเลย ถ้าหากสามารถทำได้ แต่ถ้าทำไม่ได้ ก็ให้หลีกเลี่ยงอย่าออกไปคนเดียว แล้วถ้าท่านเกิดไปเผชิญกับการชุมนุมเดินขบวนใดๆ เข้า ให้รีบออกมาจากพื้นที่บริเวณนั้น อย่าได้หยุดรอเฝ้าชม” คำแนะนำของสถานเอกอัครราชทูตจีน ระบุ
การแสดงท่าทีระแวดระวังของทางการจีนคราวนี้ บังเกิดขึ้นในขณะที่พวกสื่อมวลชน ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของทางการในจีน ได้ออกมาเตือนว่า แดนมังกรกำลังเตรียมพร้อมเข้าสู่สงคราม เพื่อยุติกรณีการเผชิญหน้ากันในบริเวณสคาร์โบโรห์ โชล ซึ่งเป็นกลุ่มของเกาะปะการัง, สันดอน และโขดหิน กลางทะเลจีนใต้ ที่ทั้งปักกิ่ง และ มะนิลา ต่างประกาศอ้างกรรมสิทธิ์
“ไม่ว่าเราแสดงเจตนารมณ์ที่จะเจรจาหารือในประเด็นปัญหานี้ไปอย่างไรก็ตาม คณะผู้นำชุดปัจจุบันของฟิลิปปินส์ ก็ยังคงมุ่งมั่นตั้งใจที่จะบีบคั้นเราให้จนมุม โดยที่ไม่มีทางเลือกอื่นๆ เหลืออยู่นอกจากการใช้กำลังอาวุธเท่านั้น” นี่เป็นเนื้อหาในบทบรรณาธิการของ ไชน่าเดลี่ หนังสือพิมพ์รายวันภาษาอังกฤษของทางการจีน
“มะนิลากำลังหลงละเมออยู่ภายในโลกแฟนตาซีอย่างแน่นอน ถ้าหากพวกเขาเข้าใจผิด คิดว่าความอดทนอดกลั้นของเรา คือ ความขี้ขลาดตาขาว”
ทางด้าน หง เล่ย โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน แถลงว่า จีนยังคงยึดมั่นอยู่กับการหาวิธีแก้ไขข้อพิพาทอย่างสันติ
แต่บทบรรณาธิการของไชน่าเดลี่ คราวนี้ ก็เป็นการสะท้อนเสียงเตือนทำนองเดียวกันจากสื่อมวลชนทางการจีนอื่นๆ ในช่วงหลังๆ นี้ ที่ว่า จีนเตรียมพร้อมที่จะใช้แสนยานุภาพทางทหารของตน ซึ่งฟิลิปปินส์ไม่มีทางเทียบเทียม มาบดขยี้การท้าทายของมะนิลาในเรื่องกรรมสิทธิ์เหนือ สคาร์โบโรห์ โชล
ทั้งนี้ สองประเทศได้ส่งเรือของหน่วยราชการ แต่ยังมิใช่เรือรบของกองทัพ ไปประจันหน้ากันที่บริเวณดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 8 เมษายน เพื่อเป็นการตอกย้ำการอ้างกรรมสิทธิ์ของพวกตน
กรณีพิพาทนี้เริ่มต้นขึ้นมาเมื่อตอนที่พวกเจ้าหน้าที่รับผิดชอบของฟิลิปปินส์ ตรวจพบว่า มีกลุ่มเรือหาปลาของจีนเข้าไปทำการประมงในพื้นที่เกาะปะการังแห่งนั้น พวกเขาได้พยายามเข้าจับกุมชาวประมงจีน ทว่า ถูกเรือตรวจการณ์ที่แดนมังกรรีบรุดส่งออกมา ทำการสกัดกั้นขัดขวาง
ฟิลิปปินส์ยืนยันว่า บริเวณดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ของตนตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ เนื่องจากอยู่ภายในเขตเศรษฐกิจจำเพาะ 200 ไมล์ทะเลของตน ทั้งนี้ ตามแผนที่ของกองทัพเรือฟิลิปปินส์นั้น สคาร์โบโรห์ โชล อยู่ห่างจากเกาะลูซอน ที่เป็นเกาะใหญ่ที่สุดของแดนตากาล็อก ประมาณ 230 กิโลเมตร (140 ไมล์) ขณะที่เกาะปะการังแห่งนี้ อยู่ห่างราว 1,200 กิโลเมตร จากอาณาเขตที่เป็นพื้นดินที่อยู่ใกล้ที่สุดของแดนมังกร
กระนั้น จีนก็ได้หยิกยกความเป็นมาในประวัติศาสตร์ เป็นหลักฐานในการอ้างกรรมสิทธิ์เหนือพื้นที่แทบทั้งหมดของทะเลจีนใต้ ซึ่งทำให้แดนมังกรเกิดกรณีพิพาทไม่เพียงแต่กับฟิลิปปินส์ หากยัง บรูไน, เวียดนาม และมาเลเซีย ทั้งนี้ ยังไม่นับไต้หวัน ซี่งก็ใช้ข้ออ้างในฐานะของ “จีน” เช่นกัน
ฟิลิปปินส์ ยอมรับว่า ตนมีกองทัพที่อ่อนแออย่างยิ่ง และย้ำว่า ต้องการแก้ไขการประจันหน้ากันด้วยหนทางทางการทูต ทว่า ขณะเดียวกัน มะนิลา ก็แถลงว่า ได้รับคำมั่นสัญญาจากสหรัฐฯ พันธมิตรหลักทางการทหารของตน ที่จะพิทักษ์ปกป้องฟิลิปปินส์จากการถูกโจมตีในเขตทะเลจีนใต้
สำหรับการประท้วงใหญ่ในวันศุกร์ (11) นี้ กลุ่มนักเคลื่อนไหวชาวฟิลิปปินส์หลายกลุ่ม ซึ่งรวมตัวกันเป็นผู้จัด ระบุว่า จะไปชุมนุมประท้วงกันตามสถานเอกอัครราชทูตจีนในประเทศต่างๆ ทั่วโลก เพื่อแสดงการหนุนหลังแดนตากาล็อก
พวกคณะผู้จัดแสดงความหวังว่า จะมีผู้คนจำนวนมากเข้าร่วมในกรุงมะนิลา และทำให้กลายเป็นการชุมนุมครั้งใหญ่โตที่สุด
กระนั้น แจ๊กสัน แกน นักธุรกิจชาวฟิลิปปินส์เชื้อสายจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะผู้จัด ได้แถลงว่าจีนไม่เห็นจำเป็นจะต้องออกคำเตือนเช่นนี้เลย เพราะการประท้วงไม่ได้มีจุดมุ่งหมายเล่นงานตัวบุคคล และไม่มีการยั่วยุ ไม่มีการเผาธงจีน เพื่อกระตุ้นให้เกิดความรุนแรงใดๆ มีเพียงแค่การร้องเพลงรักชาติ และแสดงพลัง
ขณะที่โฆษกกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ ก็บอกในทำนองเดียวกันว่า ฟิลิปปินส์ยังคงเป็นประเทศที่ปลอดภัย และยินดีต้อนรับชาวต่างชาติ โดยที่การประท้วงในวันศุกร์ก็ไม่มีเป้าหมายเล่นงานคนจีน