เอเจนซี - ประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐฯ เผยแบบฟอร์มภาษี ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาอาจจะจ่ายภาษีในอัตราสูงกว่า ด้วยเงินได้ที่น้อยกว่าตัวเต็งชิงทำเนียบขาวของพรรครีพับลิกัน มิตต์ รอมนีย์ ในปี 2011 เป็นการเพิ่มแรงกระตุ้นให้กับความพยายามของพรรคเดโมแครตที่เรียกร้องให้มีการขึ้นภาษีคนรวย
ทำเนียบขาวเผยว่า โอบามาจ่ายภาษีในอัตรา 20.5% ต่อเงินได้ 789,674 ดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา โดยประมาณว่า รอมนีย์น่าจะจ่ายภาษี 15.4% ต่อเงินได้ 20.9 ล้านดอลลาร์
ขณะที่ ตัวเต็งของรีพับลิกันเปิดเผยตัวเลขภาษีโดยรวม ที่เขาต้องจ่ายในปี 2011 คือ 3,434,441 ดอลลาร์ แต่ภาษีที่เขาต้องเสียจริงโดยประมาณ อยู่ที่ 3,226,623 ดอลลาร์ โดยไม่ได้ระบุข้อมูลเงินได้รวมตลอดทั้งปี
โอบามา และเพื่อนร่วมพรรคเดโมแครต ใช้เวลาเกือบทั้งสัปดาห์ในการโน้มน้าวให้ยอมรับ "กฏบัฟเฟตต์" นโยบายที่จะทำให้มหาเศรษฐีทั้งหลาย อย่างเช่น รอมนีย์ ต้องเสียภาษีไม่ต่ำกว่า 30% ของรายได้
กฏดังกล่าวแทบจะไม่มีโอกาสเอาชนะพรรครีพับลิกันในสภาคองเกรสได้เลย แต่อาจจะเป็นอาวุธสำคัญในการเลือกตั้งประธานาธิบดีวันที่ 6 พฤศจิกายน และเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาได้ เนื่องจากเดโมแครตชี้ว่า พรรคคู่แข่งนั้นกังวลที่จะปกป้องคนมั่งมีมากกว่าเป็นห่วงชาวอเมริกันส่วนใหญ่ ที่มีรายได้น้อย
การรณรงค์หาเสียงของโอบามายังพุ่งเป้าไปที่ทรัพย์สินของรอมนีย์ ที่สะสมมาตลอดหลายสิบปีของการเป็นผู้บริหารทรัพย์สินเอกชน ซึ่งมีมูลค่าถึง 250 ล้านดอลลาร์ทีเดียว
ทั้งนี้ ที่รอมนีย์เสียภาษีน้อยกว่าโอบามา เนื่องด้วยกฏหมายภาษีของสหรัฐฯ ตั้งแต่สมัยไบเซนไทน์ เอื้อต่อรายได้จากการลงทุนมากกว่ารายได้จากค่าจ้าง
อัตราภาษี 15.4% ที่คาดว่ารอมนีย์ต้องจ่ายนั้นก็เป็นไปตามที่ชาวอเมริกันส่วนใหญ่เสีย ทว่า ตัวเลขต่ำกว่าอัตราภาษีของรายได้สูงสุด 35% อยู่มากทีเดียว ขณะที่ในปี 2011 ชาวอเมริกัน 46% ไม่ต้องจ่ายภาษีเงินได้ เนื่องจากพวกเขายากจนเกินกว่าต้องเสีย
สำหรับรายได้ของโอบามานั้น กว่าครึ่งหนึ่งมาจากเงินเดือนประธานาธิบดี 400,000 ดอลลาร์ต่อปี ส่วนที่เหลือมาจากการขายหนังสือผลงานของโอบามา ทำเนียบขาวเสริม และว่าครอบครัวโอบามายังบริจาคเงิน 172,130 ดอลลาร์ หรือราว 22% ของเงินได้ให้กับองค์การการกุศล 39 แห่ง