เอเอฟพี - โซนี่ ผู้ผลิตสื่อบันเทิงและอิเล็กทรอนิกส์ยักษ์ใหญ่สัญชาติญี่ปุ่น ประกาศขายธุรกิจเคมีภัณฑ์ให้แก่ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งญี่ปุ่น (ดีบีเจ) เพื่อเตรียมปรับโครงสร้างบริษัทครั้งใหญ่
ทั้งนี้ ยังไม่มีการเปิดเผยว่า ดีบีเจ จะทุ่มเงินมากน้อยเท่าใดเพื่อมารับช่วงธุรกิจเคมีภัณฑ์ของโซนี่ ซึ่งผลิตสินค้าหลากหลายประเภท รวมถึงฟิล์มที่เป็นส่วนประกอบของหน้าจอแอลซีดี
โซนี่ คาดว่า สัญญาขายกิจการให้กับ ดีบีเจ จะสำเร็จลุล่วงภายในเดือนพฤษภาคมนี้ และจะถ่ายโอนธุรกิจทั้งหมดได้ภายในไตรมาสแรกของปี 2013
“จากความพยายามปรับโครงสร้างบริษัท เราเชื่อว่า การถ่ายโอนกิจการครั้งนี้จะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับโซนี่, ดีบีเจ และธุรกิจเคมีภัณฑ์เอง” ถ้อยแถลงของโซนี่ ระบุ
โซนี่ ยังชี้ว่า “เครือข่ายทั้งในและนอกประเทศของ ดีบีเจ รวมถึงทรัพยากรทางธุรกิจที่หลากหลาย จะช่วยให้แผนกเคมีภัณฑ์เติบโตและพัฒนาไปได้ไกลขึ้นในอนาคต”
แผนกเคมีภัณฑ์ของโซนี่ ซึ่งมีพนักงานราว 3,000 คนทั้งในญี่ปุ่น, สหรัฐฯ, ยุโรป และจีน ทำรายได้ราว 111,000 ล้านเยน (ราว 4 หมื่นล้านบาท) ในช่วงย้อนหลัง 1 ปี จากเดือนมีนาคม ปี 2011
การตัดสินใจขายธุรกิจเคมีภัณฑ์ของ โซนี่ มีขึ้น หลังจากที่บริษัทจัดเรตติ้ง สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส (เอสแอนด์พี) ลดความน่าเชื่อถือของ โซนี่ เหลือ BBB+ เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยอ้างผลกำไรที่ตกต่ำ, อุปสงค์ที่ลดลง และการแข่งขันที่ค่อนข้างดุเดือดในตลาดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
ก่อนหน้านั้นราว 1 สัปดาห์ โซนี่ได้ประกาศเปลี่ยนตัวซีอีโอชาวอเมริกันเชื้อสายเวลช์ โฮเวิร์ด สตริงเกอร์ ซึ่งคุมกิจการในช่วงที่บริษัทเริ่มตกต่ำ ทั้งยังเผยผลประกอบการขาดทุนคาดการณ์ตลอดปีเพิ่มอีกกว่าเท่าตัว เป็น 2.2 แสนล้านเยน (ราว 88,000 ล้านบาท) จากเดิมที่คาดไว้ 90,000 ล้านเยน ซึ่งเท่ากับว่าผลประกอบการของ โซนี่ ติดลบต่อเนื่องเป็นปีที่ 4
โซนี่ ระบุว่า สาเหตุสำคัญเกิดจากปัจจัยการค้าที่ฝืดเคืองในประเทศพัฒนาแล้ว ประกอบกับอิทธิพลจากมหาอุทกภัยในไทย และปัญหาเงินเยนแข็งค่า
