เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่ตำรวจอินเดียสามารถระบุชื่อผู้ต้องสงสัยสำคัญชาวอิหร่าน 3 คน ในคดีระเบิดโจมตีนักการทูตอิสราเอล 1 วัน ก่อนวันแห่งความรัก ซึ่งเกิดเหตุระเบิดย่านสุขุมวิท 71 ในกรุงเทพฯ นับเป็นครั้งแรกที่อินเดียระบุหนักแน่น ว่า เหตุร้ายดังกล่าวมีคนอิหร่านเกี่ยวข้อง หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นรายงาน วันนี้ (15)
ผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 เดินทางเข้ากรุงนิวเดลีด้วยวีซ่านักท่องเที่ยวก่อนเกิดเหตุ 2 สัปดาห์ และแยกย้ายกันหนีออกจากอินเดีย หลังจากวางระเบิดรถยนต์กลางเมืองหลวง ซึ่งส่งผลให้ ทัล เยโฮชัว-โคเรน นักการทูตหญิงอิสราเอล ได้รับบาดเจ็บสาหัส หนังสือพิมพ์ไทม์ส ออฟ อินเดีย รายงาน
แหล่งข่าวในสำนักงานตำรวจและหน่วยข่าวกรองให้ข้อมูลกับไทม์ส ออฟ อินเดีย ว่า ตำรวจได้ออกหมายจับผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 แล้ว และจะส่งหมายจับบุคคลเหล่านี้ถึงรัฐบาลอิหร่าน ขณะเดียวกัน หนังสือพิมพ์อินเดีย เอ็กซ์เพรส รายงานว่า อินเดียจะขอความช่วยเหลือจากองค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ (อินเตอร์โพล) ให้ตามแกะรอยคนร้ายกลุ่มนี้
สัปดาห์ที่แล้ว ตำรวจภารตะได้จับกุมผู้ต้องสงสัยคนแรกที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ โดยผู้ต้องสงสัยเป็นนักข่าวอิสระชาวอินเดีย ซึ่งทำงานพาร์ตไทม์ให้สำนักข่าว อีร์นา ของอิหร่าน
ผู้ต้องสงสัยชาวอินเดียคนนี้ ถูกกล่าวหาว่า จัดหาพาหนะให้กลุ่มคนร้าย ตำรวจยังพบจักรยานยนต์คันที่ใช้ก่อเหตุในบ้านของเขาซึ่งตั้งอยู่ในย่านผู้มีอันจะกินของกรุงนิวเดลี
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ คนร้ายขับรถจักรยานยนต์ลอบเข้าไปติดตั้งระเบิดบริเวณท้ายรถของ ทัล เยโฮชัว-โคเรน ขณะเธอกำลังเดินทางไปรับลูกที่โรงเรียน หลังเกิดเหตุ รัฐยิวออกโรงกล่าวหาอิหร่านในทันที ในวันเดียวกันนั้น ยังมีความพยายามก่อเหตุโจมตีลูกจ้างสถานทูตอิสราเอลในจอร์เจีย
ถัดมาในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ก็เกิดเหตุระเบิดจากความผิดพลาดในบ้านเช่าเลขที่ 66 ซอยปรีดีพนมยงค์ 31 ถนนสุขุมวิท 71 ซึ่งนำไปสู่การจับกุมชายอิหร่านในไทย 2 คน และอีกคนหนึ่งถูกจับกุมได้ที่มาเลเซีย
เตหะรานยืนกรานปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทั้งหมด
อนึ่ง ข่าวเหตุร้ายที่พัวพันถึงอิหร่านเหล่านี้ปรากฏขึ้นมาในช่วงเวลาที่อินเดียกับอิหร่านกำลังกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างกันให้เหนียวแน่นยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน นิวเดลีก็พยายามรักษาความสัมพันธ์ด้านกลาโหมกับอิสราเอล ซึ่งเป็นผู้ขายอาวุธให้อินเดียรายสำคัญ
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา คณะเจ้าหน้าที่รัฐบาลและนักธุรกิจอินเดียได้เดินทางเยือนอิหร่าน เพื่อหาช่องทางขยายโอกาสทางการค้า นับเป็นความเคลื่อนไหวที่ขัดแย้งกับมติของยุโรปและสหรัฐฯ ซึ่งต้องการให้โลกโดดเดี่ยวอิหร่าน จากกรณีโครงการพลังงานนิวเคลียร์ที่ถูกมองว่ามีลับลมคมใน