สื่อสหรัฐฯ ชี้ “ช้างไทย” สุดวิกฤต! คนจ้องล่าเอางาไปขาย-เอาเนื้อไปกิน

นิวยอร์ก เดลินิวส์ - ช้าง สัตว์คู่บ้านคู่เมืองของไทย กำลังเผชิญภัยคุกคามครั้งใหม่ที่อาจร้ายแรงถึงขั้นสูญพันธุ์ ขณะที่การล่าช้างในไทยไม่เพียงเพื่อล่าเอา “งา” เท่านั้น แต่ยังมีคนบางพวกที่ต้องการกิน “เนื้อ” ของพวกมัน หนังสือพิมพ์นิวยอร์ก เดลินิวส์ ของสหรัฐฯ รายงานเมื่อวันพฤหัสบดี (26) ที่ผ่านมา

ไม่นานมานี้ มีการพบซากช้างถูกตัดอวัยวะเพศในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เป็นสัญญาณเตือนเจ้าหน้าที่ถึงขบวนการล้มช้างแนวใหม่ ที่ต้องการเนื้อช้างไปขายเป็นอาหาร

นายดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอพี ของสหรัฐฯ ว่า “พรานตัดอวัยวะเพศช้างและงวงไป ... เพื่อเป็นอาหารของมนุษย์” เนื้อบางส่วนจะถูกบริโภคโดยไม่ผ่านการปรุงอาหาร เรียกได้ว่าเป็น “ซาชิมิเนื้อช้าง”

การบริโภคเนื้อช้างนับเป็นเรื่องผิดปกติสำหรับสังคมไทย แต่วัฒนธรรมของชาวเอเชียบางส่วนยังเชื่อกันว่า การบริโภคอวัยวะสืบพันธุ์ของสัตว์สามารถเพิ่มพลังทางเพศ นิวยอร์ก เดลินิวส์ รายงาน

นายดำรงค์ ยังระบุว่า ร้านอาหารในภูเก็ตเป็นผู้สั่งออเดอร์เนื้อช้าง อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความชัดเจนว่า ผู้บริโภคเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศหรือไม่

การล่าช้าง การลักลอบ หรือครอบครองสัตว์ป่า ล้วนผิดกฎหมายอาญาไทย โดยปกติ ช้างที่โตเต็มวัยมักถูกล่าเพื่อเอางา ส่วนลูกช้างมักถูกล่าเพื่อนำมาฝึกสำหรับการแสดงสร้างความบันเทิงให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ

“สถานการณ์เข้าสู่จุดวิกฤต ยิ่งเราปล่อยให้พฤติกรรมป่าเถื่อนแบบนี้เกิดขึ้นมากเท่าไร ช้างก็ยิ่งสูญพันธุ์เร็วเท่านั้น” นายดำรงค์ พิเดช กล่าวทิ้งท้าย

งาช้างเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ช้างในประเทศไทยถูกล่าไม่เว้นแต่ละวัน

น.ส.โซไรดา ซาลวาลา ผู้ก่อตั้งมูลนิธิเพื่อนช้าง เปิดเผยว่า งาของช้างที่โตเต็มวัยคู่หนึ่งมีมูลค่าสูงถึง 1-2 ล้านบาท ขณะที่อวัยวะสืบพันธุ์ของช้างเพศผู้มีมูลค่ามากกว่า 30,000 บาท

“มีคนอยู่เพียงหยิบมือที่ชอบกินเนื้อช้าง แต่เมื่อมีคำสั่งซื้อ นายพรานก็ไม่อาจต้านอำนาจเงินได้”

ข้อมูลจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ระบุว่า ปัจจุบันประเทศไทยเหลือช้างป่าอยู่ไม่ถึง 3,000 ตัว และมีช้างเลี้ยงอยู่อีกประมาณ 4,000 เชือก ทั้งๆ ที่ช้างขึ้นชื่อเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมืองของไทย