เผยระบุตัวนาวิกฯ มะกันที่ “ปัสสาวะ” รดศพนักรบตอลิบานได้แล้ว

เอเอฟพี - รัฐมนตรีกลาโหม และรัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ แสดงทัศนะประณามพฤติกรรมในคลิปวิดีโอ ซึ่งบุคคลในเครื่องแบบนาวิกโยธินอเมริกัน “ปัสสาวะ” รดศพนักรบตอลิบาน ขณะเดียวกัน เพนตากอนเปิดเผยว่า สามารถระบุตัวทหารผู้ก่อเหตุ “น่ารังเกียจ” ดังกล่าวได้แล้ว วานนี้ (12)

ลีออน พาเนตตา เจ้ากระทรวงกลาโหม กล่าวว่า พฤติกรรมดังกล่าว “สมควรถูกประณามอย่างยิ่ง” ส่วน ฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศ เปิดเผยความรู้สึกว่า “ผิดหวัง” กับการกระทำของทหารกลุ่มนี้ โดยรัฐมนตรีทั้งสองให้คำมั่นว่า ผู้กระทำผิดจะต้องได้รับโทษ

นายทหารชั้นผู้ใหญ่ในกองทัพพญาอินทรีระบุว่า ฝ่ายทหารนาวิกโยธินสามารถระบุตัวผู้ที่อยู่ในคลิปวิดีโอได้แล้ว ซึ่งได้ปลุกความทรงจำอันเลวร้ายเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิต่างๆ ทั้งในอิรักและอัฟกานิสถานจากน้ำมือของทหารอเมริกัน เช่น การล่วงละเมิดนักโทษที่เรือนจำ “อบู กรออิบ” ในอิรัก และการล่าสังหารพลเรือนยามว่างของทหารสหรัฐฯ ในอัฟกานิสถาน

“เรายังไม่สามารถเปิดเผยชื่อผู้กระทำผิดได้ในเวลานี้ เนื่องจากกำลังอยู่ระหว่างการสืบสวน” โฆษกทหารนาวิกโยธินสหรัฐฯ แถลง

ด้านเครือข่ายโทรทัศน์ข่าวเคเบิล “ซีเอ็นเอ็น” รายงานอ้างนายทหารผู้ขอสงวนนามซึ่งระบุว่า ฝ่ายทหารนาวิกโยธินมั่นใจว่า ทหารในคลิปวิดีโอมาจาก กองพันที่ 3 กองพลนาวิกโยธินที่ 2 ซึ่งตั้งอยู่ที่ค่ายเลอจูน ในรัฐนอร์ทแคโรไลนา

ทหารหน่วยนี้ประจำการในอัฟกานิสถาน รับผิดชอบพื้นที่หลักๆ ในจังหวัดเฮลมานด์ ช่วงต้นปี 2011 และถอนกำลังกลับในระหว่างกันยายน-ตุลาคม โดยซีเอ็นเอ็นรายงานยืนยันว่า กองทัพสามารถระบุตัวทหารผู้กระทำผิดได้แล้ว 2 นาย แต่ยังไม่มีการเปิดเผยต่อสาธารณชน

ในคลิปวิดีโอ ทหารนาวิกโยธิน 4 นาย กำลังยืนปัสสาวะใส่ศพนักรบตอลิบานโชกเลือด 3 ศพ และหนึ่งในกลุ่มทหารก็รู้ตัวว่ากำลังมีการบันทึกภาพ โดยยังพูดกับศพว่า “ไปที่ชอบๆ เพื่อน”

ลีออน พาเนตตา รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ให้คำมั่นว่า “ผู้เกี่ยวข้องกับการกระทำดังกล่าวจะได้รับโทษสูงสุด” ขณะที่โฆษกเพนตากอนยืนยันว่า ในเวลานี้เจ้าหน้าที่กำลังสืบสวนเหตุการณ์ ขณะเดียวกัน ฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศ ก็แถลงข่าวว่า “ผิดหวังอย่างยิ่งกับเรื่องที่เกี่ยวกับนาวิกโยธินครั้งนี้ ... มันขัดแย้งพฤติกรรมที่เราคาดหวังจากทหารของเราโดยสิ้นเชิง”

ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ระบุว่า ยังไม่มีการพิสูจน์ว่า คลิปวิดีโอดังกล่าวเป็นเหตุการณ์จริงหรือไม่ หลังจากมีการเผยแพร่ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ “โตโลนิวส์” ของอัฟกานิสถาน และเว็บไซต์ไลฟ์ลีค ก่อนแพร่สะพัดไปทั่วโลกออนไลน์