เผยญี่ปุ่นผ่อนปรนข้อห้ามส่งออกอาวุธหลังใช้มานานหลายสิบปี

เอเจนซี - สำนักข่าวเกียวโดเผย รัฐบาลญี่ปุ่นผ่อนปรนข้อห้ามการส่งออกอุปกรณ์ทางการทหารของประเทศ ที่มีมานานหลายสิบปี อันเป็นความเคลื่อนไหวที่จะเปิดตลาดใหม่ให้กับบริษัทผู้ผลิตภายในประเทศ

เกียวโดระบุว่า สภาความมั่นคงของรัฐบาลเห็นชอบที่จะผ่อนคลายข้อห้ามดังกล่าว เพื่อให้ญี่ปุ่นมีส่วนในโครงการพัฒนา และผลิตอาวุธร่วมกับประเทศอื่นๆ และยังช่วยให้ประเทศมีเครื่องมือทางทหารสำหรับภารกิจช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์

กฏดังกล่าวถูกบังคับใช้ในปี 1967 โดยห้ามไม่ให้มีการขายอุปกรณ์ทางการทหารใดๆ ให้แก่ประเทศคอมมิวนิสต์ ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งระหว่างประเทศ หรือถูกคว่ำบาตรโดยสหประชาชาติ

ภายหลังจากนั้น โตเกียวได้มีคำสั่งห้ามอย่างเด็ดขาดไม่ให้มีการส่งออก พัฒนาและผลิตอาวุธกับประเทศอื่น นอกเหนือจากสหรัฐฯ ทำให้บริษัทผู้ผลิตไม่สามารถเข้าร่วมในโครงการพหุภาคีใดๆ

การผ่อนปรนข้อห้ามในครั้งนี้จึงเท่ากับอนุญาตให้บริษัทต่างๆ เช่น มิตซูบิชิ เฮฟวี เข้าร่วมพัฒนาเครื่องบินขับไล่เอฟ-35 ของบริษัท ล็อกฮีด มาร์ติน ซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นเลือกให้เป็นบินปกป้องน่านฟ้ายุคใหม่ได้ โดยวางแผนที่จะซื้อเครื่องยนต์ 42 ตัว ซึ่งมีมูลค่าประมาณกว่า 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

แม้ว่าญี่ปุ่นจะเป็นประเทศที่เสียเงินไปกับการทหารเป็นอันดับ 6 ของโลก แต่รัฐบาลก็มักต้องจ่ายเงินมากกว่าประเทศอื่นๆ ถึง 2 เท่าขึ้นไป เพื่อซื้อเครื่องมืออย่างเดียวกัน เนื่องจากบริษัทผู้ผลิตที่ถูกห้ามไม่ให้ส่งออก สามารถทำตามออร์เดอร์สินค้าได้ในราคาสูงเท่านั้น

สำหรับการยกเลิกข้อห้ามนี้จะยิ่งเพิ่มรายได้จากด้านกลาโหมมากขึ้น เนื่องจากค่าใช้จ่ายทางการทหารในประเทศเพื่อนบ้านอย่างจีนก็สูงขึ้นเช่นกัน

ในปีนี้ รัฐบาลปักกิ่งเพิ่มรายจ่ายทางการทหาร 12.7% ซึ่งรวมถึงเงินสำหรับเครื่องบินขับไล่สเตลท์ เจ-20 ที่แดนมังกรพัฒนาเอง และออกบินครั้งแรกในเดือนมกราคมที่ผ่านมา

ในทางกลับกัน งบประมาณด้านกลาโหมของญี่ปุ่นหดลงจากปีก่อนๆ เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการประกันสังคม และการอุ้มหนี้ที่เพิ่มขึ้น ไปเบียดค่าใช้จ่ายด้านอื่นๆ