เอเจนซี - นายกรัฐมนตรี โยชิฮิโกะ โนดะ เตรียมผ่อนคลายกฎหมายห้ามส่งออกอาวุธที่บังคับใช้มานานนับสิบปี ซึ่งจะเปิดโอกาสบริษัทผลิตอาวุธของญี่ปุ่นสามารถเข้าไปมีส่วนในโครงการอาวุธร่วมกับประเทศต่างๆ
รัฐมนตรีกลาโหม ยาสุโอะ อิจิกาวะ แถลงเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาว่า ตนคาดหวังมานานว่ารัฐบาลญี่ปุ่นจะตัดสินใจผ่อนปรนข้อจำกัดดังกล่าว
เมื่อปี 1967 ญี่ปุ่นได้กำหนดเงื่อนไขว่าด้วยการส่งออกอาวุธ 3 ประการ ได้แก่ ห้ามส่งออกอาวุธแก่ประเทศคอมมิวนิสต์, ประเทศที่เกี่ยวพันกับความขัดแย้งนานาชาติ และประเทศที่ถูกองค์การสหประชาชาติคว่ำบาตร
อย่างไรก็ตาม กฎดังกล่าวค่อยๆขยายขอบเขตกว้างขึ้น จนกลายเป็นการห้ามพัฒนาและผลิตอาวุธร่วมกับชาติอื่นใดนอกจากสหรัฐฯซึ่งเป็นพันธมิตรหลัก ทำให้ผู้ผลิตอาวุธของญี่ปุ่นขาดศักยภาพในการแข่งขัน และมีผลผลิตไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมประเภทอื่นของประเทศ
โยมิอุริ ชิมบุน อ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวภายในรัฐบาลว่า การผ่อนปรนข้อจำกัดจะทำให้ญี่ปุ่นสามารถส่งออกอาวุธและเทคโนโลยีแก่ทุกประเทศที่รับรองกฎหมายว่าด้วยการส่งออกอาวุธระหว่างประเทศ ทั้งยังสามารถร่วมโครงการผลิตอาวุธข้ามชาติ เช่น โครงการพัฒนาเครื่องบินโจมตี เอฟ-35 ซึ่งนำโดย ล็อกฮีด มาร์ติน ขณะที่ มิตซูบิชิ เฮฟวี่ ซึ่งผลิตอาวุธให้แก่กระทรวงกลาโหม ก็จะสามารถตัดค่าใช้จ่ายลงได้ด้วย
อย่างไรก็ตาม โอซามุ ฟูจิมูระ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบมาก่อนว่าจะมีการผ่อนปรนนโยบายส่งออกอาวุธ ดังที่ โยมิอุริ รายงาน
“จุดยืนของเราขณะนี้คือทำตามกฎหมายห้ามส่งออกอาวุธ ที่ยังมีผลบังคับอยู่ในปัจจุบัน” เขากล่าว
โยมิอุริ รายงานว่า นายกรัฐมนตรี โนดะ จะเสนอแผนดังกล่าวต่อประธานาธิบดี บารัค โอบามา ในเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งที่ผ่านมาสหรัฐฯได้ขอแบ่งปันเทคโนโลยีจากญี่ปุ่น เพื่อใช้ในโครงการพัฒนาอาวุธร่วมกัน
พรรค เดโมเครติก ปาร์ตี เคยเรียกร้องให้รัฐบาลชุดก่อนผ่อนคลายนโยบายส่งออกอาวุธมาแล้ว ทว่าอดีตนายกฯ นาโอโตะ คัง ยืนกรานว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงกฎดังกล่าว